ในบล็อกโพสต์ ณ วันที่ 17 ตุลาคมของ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Ethereum ได้ออกมาแชร์ “เป้าหมายหลัก” ของเครือข่ายที่ถ้าหากสำเร็จจะสามารถทำให้เครือข่ายเติบโตตามโร้ดแมปที่วางไว้ในการอัปเกรด “The Surge”
หนึ่งในนั้นคือการที่บล็อกเชนของ Ethereum และ Layer 2 สามารถทำงานร่วมกันได้มากขึ้น และสามารถทำความเร็วธุรกรรมได้มากกว่า 100,000 รายการต่อวินาที ซึ่งตัวของ Buterin เน้นย้ำว่า Ethereum ควรเป็นเครือข่ายที่ให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่ใช่กลุ่มก้อนของบล็อกเชนจำนวนมาก
ทั้งนี้แม้หลายเดือนที่ผ่านมาตัวของ Buterin จะยกย่อง Ethereum เป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอัปเกรด Dencun ที่ทำให้ค่าธรรมเนียมลดลงอย่างมหาศาล แต่มันก็มาพร้อมกับคำครหาที่กล่าวว่า โร้ดแมปของเครือข่ายในปัจจบุันที่เน้นไปที่การ rollup ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในเหรียญ ETH เพราะเงินต่างไหลไปที่ L2 มากกว่าเครือข่ายเมนเน็ต
อย่างไรก็ตามในความคิดของ Buterin เขามองว่า Ethereum จำเป็นที่จะแก้ไขปัญหาอยู่อีกมาก เช่น การสุ่มตัวอย่างความพร้อมใช้งานของข้อมูล การปรับปรุงการบีบอัดข้อมูล การทำให้เครือข่ายเลเยอร์ 2 “trustless”และการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ระหว่างบล็อกเชน รวมไปถึงการขยายขนาดให้เพียงพอต่อความต้องการที่เกิดขึ้น
นอกเหนือจากนี้ตัวเขายังทราบดีถึงปัญหาที่ว่า ถ้า L2 ขยายขนาดได้ดี และประสบความสำเร็จในขณะที่ L1 ยังไม่สามารถพัฒนาได้ จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นบนเชนของ Ethereum ซึ่งการแก้ไขนั้นแม้จะมีทางออก แต่มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
จากโพสต์ของ Buterin สรุปได้ว่า Ethereum ยังคงเดินหน้าต่อกับการใช้โร้ดแมปแบบ rollup แทนที่การ sharding ซึ่งเขานั้นตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ Ethereum L1 มีความพิเศษ โดยมันจำเป็นที่จะต้องสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ในขณะที่ยังสามารถรักษาการกระจายอำนาจ และมีศักยภาพการทำงานที่แข็งแกร่ง
- ที่มา : Cointelegraph
- ภาพ : Crypto Economy