ภาวะหนี้ทั้งในภาครัฐและระดับครัวเรือนนั้นก็ต่างเป็นปัญหาที่ไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯ ซึ่งหนึ่งในทีมวิจัยของกระทรวงการคลังก็ได้ทำการวิจัยถึงผลกระทบของคริปโตที่อาจก่อให้เกิดหนี้สินในครัวเรือนมากขึ้น แต่ผลที่ได้นั้นกลับออกมาไม่เป็นดังที่คาดคิด
อ้าอิงจากเอกสารงานวิจัยที่พึ่งเผยแพร่ออกมา ระบุว่าแทนที่คริปโตจะก่อปัญหาหนี้สิ้น กลับกันบุคคลที่มีรายได้น้อยที่มีการลงทุนในคริปโตกลับสามารถซื้อบ้านได้มากขึ้นกว่าบุคคลประเภทอื่น ๆ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องมาทำการวิจัยสืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมันได้มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของหนี้สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อบ้าน ในพื้นที่ที่คริปโตได้รับความนิยม ทำให้พวกเขาต้องค้นหาหลักฐานว่าความตึงเครียดทางการเงินดังกล่าวจะอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ หรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้ นักวิจัยพบว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้ในพื้นที่เหล่านั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนของตัวเลขยังเผยให้เห็นว่าจำนวนของสินเชื่อบ้านได้เพิ่มขึ้นกว่า 274% จากนักเทรดคริปโตที่มีรายได้ประจำน้อยในช่วงระหว่างปี 2020-2024
สิ่งนี้หมายความว่าการซื้อขายคริปโตสามารถทำให้คนเข้าถึงสินเชื่อ และสามารถซื้อบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น และพวกเขาก็เลือกที่จะนำกำไรที่ได้จากคริปโตมาแก้ไขปัญหาด้านการเงินในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตามงานวิจัยได้เตือนว่า ครัวเรือนเหล่านี้จะต้องได้รับการสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพื่อดูว่าความตึงเครียดดังกล่าวจะส่งผลต่อตลาดสินเชื่อบ้านของสหรัฐฯ หรือไม่ เพราะคริปโตเคอร์เรนซียังคงเป็นการลงทุนที่ผันผวนมากกว่าสินทรัพย์ชั้นอื่นๆ มาก
ที่มา : Coindesk