ธนาคารกลางของบราซิล (Banco Central do Brasil – BCB) ได้เสนอให้มีแบนการโอน Stablecoin อย่าง Tether ( USDT) ไปยังกระเป๋าเงินแบบ Self-Custodial เช่น MetaMask และ Trezor โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการทำธุรกรรมนอกแพลตฟอร์มที่ได้รับการอนุญาต ในขณะที่การใช้งาน Stablecoin ในบราซิลเติบโตขึ้นอย่างมาก เนื่องจากประชาชนหันมาใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเรียลบราซิลที่อ่อนค่าลง
และในขณะที่ธนาคารกลางกำลังรวบรวมความคิดเห็นจากสาธารณะในประเด็นนี้ หลายฝ่ายก็ได้ออกมาแสดงความกังวลว่าการแบนอาจผลักดันให้ผู้ใช้งานหันไปใช้แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์มากขึ้น
โดย Carol Souza ผู้ร่วมก่อตั้ง Area Bitcoin School เชื่อว่าการควบคุมนี้อาจเกิดขึ้นจริงในปี 2025 โดยมุ่งจำกัดการทำธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer (P2P) เพื่อป้องกันไม่ให้ Stablecoin ขยายตัวนอกการกำกับดูแล
อย่างไรก็ตาม Souza มองว่าการแบนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าค่าเงินของพวกเขากำลังอ่อนแอ
“หากนี่เป็นทิศทางที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ในการปรึกษาสาธารณะ มีความเป็นไปได้สูงที่ข้อเสนอนี้จะถูกนำมาใช้จริง นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลใช้ข้อห้ามเพื่อรักษาความต้องการในสิ่งที่เปรียบเสมือน ‘น้ำแข็งที่กำลังละลาย’ อย่างเงินตราที่อ่อนค่าของพวกเขาไม่ให้ลดลง”
ในขณะที่ Lucien Bourdon นักวิเคราะห์ Bitcoin จาก Trezor กล่าวว่ารัฐบาลสามารถควบคุมแพลตฟอร์มซื้อขายที่มีการรวมศูนย์ได้ แต่ธุรกรรม P2P และแพลตฟอร์มกระจายศูนย์ยังคงยากต่อการควบคุม ซึ่งการจำกัดนี้อาจทำให้ผู้ใช้เริ่มต้นเข้าถึงคริปโตได้ยากขึ้น
“รัฐบาลสามารถควบคุมแพลตฟอร์มซื้อขายแบบรวมศูนย์ได้ แต่ธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer (P2P) และแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์นั้นควบคุมได้ยากกว่ามาก ซึ่งหมายความว่าการแบนนี้อาจส่งผลกระทบเพียงบางส่วนของระบบนิเวศเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ประเทศอื่น ๆ อย่างจีนและไนจีเรียที่เคยจำกัดธุรกรรมคริปโต พบว่าผู้ใช้กลับหันไปใช้แพลตฟอร์มกระจายศูนย์ เช่น Uniswap และการซื้อขาย P2P มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในบราซิลเช่นกัน
โดย Paolo Ardoino CEO ของ Tether ชี้ว่า ข้อจำกัดนี้อาจสร้างความเสียเปรียบต่อผู้บริโภคชาวบราซิล เนื่องจาก Stablecoin ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศและทั่วโลก
ทั้งนี้ Tether พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลของบราซิลเพื่อหาสมดุลระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรมและการปกป้องผู้บริโภค พร้อมเสริมว่าบราซิลสามารถคงความเป็นผู้นำในด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและตอบสนองต่อความต้องการทางเศรษฐกิจและประชาชนได้ด้วยการกำกับดูแลที่รอบคอบ
ที่มา: Cointelegraph