ในปี 2024 อุตสาหกรรมคริปโตต้องเผชิญกับอุปสรรคหลากหลายรูปแบบ และถือเป็นปีที่นับว่าโชคดี เพราะไม่มีเหตุการณ์โจรกรรมคริปโตขนาดใหญ่ระดับโลกที่สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการเหมือนปีก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเหตุการณ์โจรกรรมเกิดขึ้นเลย และนี่คือ 10 เหตุการณ์การโจรกรรมคริปโตที่สำคัญในปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงข้อมูลจาก SlowMist บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
ลำดับที่ 1 การแฮ็ก Smart Contract
เว็บเทรดคริปโตสัญชาติญี่ปุ่น DMM Bitcoin ถูกแฮ็กเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ smart contract โจมตีจนส่งผลทำให้สูญเงินกว่า 330 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นความเสียหายที่มากที่สุดในปี 2024
ลำดับที่ 2 การแฮ็ก Multisig wallet
ถัดมาในลำดับที่สอง WazirX กับเว็บเทรดคริปโตสัญชาติอินเดียที่ถูกแฮกเกอร์โจมตี และถูกขโมยคริปโตไปเป็นมูลค่ากว่า $230 ล้านผ่านข้อผิดพลาดใน multisig wallet
ลำดับที่ 3 การแฮ็กจากเกาหลีเหนือ
ในลำดับที่สามนี้ตกเป็นของ Radiant Capital ที่มีรายงานว่า ถูกแฮ็กจากกลุ่มแฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ โดยมีความเสียหายทั้งหมดรวม 97 ล้านดอลลาร์
ลำดับที่ 4 การแฮ็กจากข้อมูลหลุด
อีกหนึ่งการแฮ็กที่น่าสนใจไม่น้อยคือกรณีของ PlayDapp แพลตฟอร์มเกมมิ่งบน Ethereum ที่ถูกขโมยเงินออกไปกว่า $36.5 ล้าน หลังพบว่าข้อมูล Private key รั่วไหล
ลำดับที่ 5 การแฮ็กจาก Hot wallet
ลำดับที่ห้าจะตกเป็นคดีของการแฮ็ก BingX ที่เป็นการดูดเงินออกจากกระเป๋าเงิน hot wallet บนอินเทอร์เน็ต ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายกว่า 45 ล้านดอลลาร์
ลำดับที่ 6 การแฮ็กจากระบบรักษาความปลอดภัยที่อ่อน
Hedgey Finance ผู้ให้บริการด้านการเงิน ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ตกเป็นผู้เสียหายจากการแฮ็ก โดยทาง SlowMist ระบุว่า ระบบรักษาความปลอดภัยที่อ่อนแอของพวกเขาเป็นเหตุทำให้ถูกแฮ็กเป็นความเสียหายรวม 44.7 ล้านดอลลาร์
ลำดับที่ 7-8 การแฮ็กที่ไม่เปิดเผยวิธี
ถัดมาในลำดับที่เจ็ด และแปดเป็นของ BtcTurk และ Munchables ที่ถูกแฮ็กเป็นเงินกว่า $5.3 ล้าน และ $62.5 ล้านตามลำดับ
ลำดับที่ 9-10 การแฮ็กที่ไม่เปิดเผยตัวเลข
สำหรับสองลำดับสุดท้ายนี้ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าถูกโจมตีได้อย่างไร และไม่มีการระบุมูลค่าความเสียหายที่ชัดเจน รู้แต่เพียงว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมากกว่าหลักล้านดอลลาร์ โดยเกิดขึ้นกับ Penpie และ FixedFloat
สรุปภาพรวมปี 2024
ทั้งนี้รายงานเผยว่าปี 2024 มีจำนวนตัวเลขคดีการขโมยคริปโตที่ลดลงเล็กน้อย โดยเกิดขึ้นทั้งหมด 410 คดี และคิดเป็นความเสียหายกว่า $2 พันล้าน ลดลง 19.02% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และบล็อกเชน Ethereum เป็นบล็อกเชนที่ถูกปล้นหนักที่สุด มีความเสียหายรวมกว่า $465 ล้าน ตามมาด้วย Binance Smart Chain ที่ $87.35 ล้าน
ในขณะที่เป้าหมายหลักของการแฮ็กยังคงตกเป็นของฝั่ง DeFi ที่มีจำนวนการถูกแฮ็กเพิ่มขึ้นถึง 33.12% จากปีที่ผ่านมา และเหล่าแฮ็กเกอร์ก็ได้ใช้วิธีที่แยบยลขึ้นตามเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงเปลี่ยนผ่านจากแฮ็กเกอร์ทั่วไปมาเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
ที่มา : the coin republic