PayFi หรือ Payment Finance เป็นแนวคิดใหม่มาแรงในวงการคริปโต ที่รวมเอาการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) เข้ากับการชำระเงิน เพื่อให้ธุรกรรมทางการเงินเกิดขึ้นได้รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และต้นทุนต่ำลง โดยใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน PayFi ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเงินในอนาคตได้ทันที และนำไปใช้ หรือ นำไปลงทุนต่อเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเงินที่มีอยู่
ทำไมต้อง PayFi?
PayFi ทำให้การชำระเงินเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ ลดเวลาการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนให้เร็วขึ้นกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังช่วยเชื่อมโลกของ DeFi กับสินทรัพย์ในโลกจริง (RWAs) ทำให้ทั้งสองระบบทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ลดข้อจำกัดที่เคยมี
ที่สำคัญ PayFi ยังช่วยให้เงินทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยปลดล็อกมูลค่าของเงินตามเวลา (Time Value of Money) ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงกระแสเงินสดในอนาคตได้ทันที รองรับโดยบล็อกเชน Solana ที่มีความเร็วสูง ประมวลผลบล็อกเพียง 400 มิลลิวินาที มีสภาพคล่องสูง และมีชุมชนนักพัฒนาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ PayFi พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินในอนาคต
ตอนที่ Satoshi Nakamoto สร้าง Bitcoin เป้าหมายคือ ทำให้เป็นเงินดิจิทัลที่ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือคนกลาง แต่หลังจากผ่านมา 15 ปี Bitcoin ยังไม่ถูกใช้เป็นวิธีการชำระเงินหลักในชีวิตประจำวัน
ในทางกลับกัน Stablecoin อย่าง USDT หรือ USDC กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าในการใช้จ่ายและโอนเงิน เพราะมีมูลค่าคงที่และมีการนำไปใช้ชำระเงินจริงมากขึ้น จนตอนนี้ตลาดของ Stablecoin มีมูลค่ากว่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ และมีปริมาณธุรกรรมที่สูงกว่าของ Visa ถึงสองเท่า
แต่ถึงแม้ Stablecoin จะช่วยให้การโอนเงินง่ายขึ้น มันก็ยังไม่สามารถเชื่อมระบบการเงินดั้งเดิมกับโลกของ DeFi ได้ทั้งหมด และยังไม่ได้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากมูลค่าของเงินตามเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ PayFi ถูกพัฒนาขึ้นมา
PayFi ทำงานอย่างไร?
PayFi นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ เพื่อทำให้ธุรกรรมทางการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การจัดหาเงินทุนข้ามพรมแดน และการชำระเงินสำหรับสินทรัพย์จริง (RWAs) แบบเรียลไทม์
Lily Liu ประธานของ Solana Foundation เป็นผู้ที่คิดค้นคำว่า PayFi ซึ่งหมายถึง การสร้างตลาดการเงินใหม่ที่เน้นเรื่อง มูลค่าของเงินตามเวลา (Time Value of Money – TVM) โดยอาศัยการเงินแบบกระจายศูนย์
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2025/02/image-138-1024x602.png)
ที่มาภาพ : bitget
แนวคิดนี้ถูกพูดถึงในรายงาน The Crypto Theses 2025 ของ Messari ว่า PayFi เป็นจุดเชื่อมระหว่างโลกของ RWA และ DeFi ช่วยให้สินทรัพย์ในโลกจริงมีสภาพคล่องมากขึ้น และทำให้ DeFi สามารถเข้าถึงเศรษฐกิจจริงได้
Time Value of Money (TVM) คืออะไร?
TVM เป็นแนวคิดทางการเงินที่บอกว่า เงินที่มีอยู่วันนี้ มีค่ามากกว่าเงินที่ได้รับในอนาคต เพราะสามารถนำไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนได้
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถูกรางวัล 100,000 บาท และต้องเลือกระหว่าง รับเงินก้อนเดียววันนี้ หรือ รับเงินเป็นงวด ๆ ทุกเดือนในช่วง 5 ปี
ตามหลักของ TVM การรับเงินก้อนเดียวทันทีน่าจะดีกว่า เพราะสามารถนำไปลงทุนและสร้างผลตอบแทนได้ แต่ถ้ารอรับเงินในอนาคต มูลค่าของมันจะลดลงเพราะเงินเฟ้อ
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2025/02/image-139-1024x576.png)
PayFi ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จาก TVM ได้ โดยช่วยให้การทำธุรกรรมเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และลดต้นทุนการทำธุรกรรม
Solana กับ PayFi: ทำไมถึงเป็นคู่ที่ลงตัว?
Lily Liu ประธานของ Solana Foundation กล่าวว่า บล็อกเชนที่เหมาะกับ PayFi ควรมี 3 ปัจจัยหลัก
- ความเร็วสูง ซึ่ง Solana ใช้ Proof of History (PoH) ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้ถึง 100,000 รายการต่อวินาที และมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 0.01 ดอลลาร์
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2025/02/image-140-1024x247.png)
- สภาพคล่องสูง ซึ่ง Solana มี Total Value Locked (TVL) มากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ ทำให้สามารถรองรับธุรกรรม PayFi ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2025/02/image-141-1024x454.png)
- นักพัฒนาจำนวนมาก ซึ่ง Solana มีนักพัฒนาเพิ่มขึ้นจาก 244 รายในปี 2020 เป็น มากกว่า 3,300 รายในปี 2024
![](https://siamblockchain.com/wp-content/uploads/2025/02/image-142-1024x372.png)
ตัวอย่างการใช้งานของ PayFi
- Buy Now Pay Never
ช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าหรือบริการโดยใช้ดอกเบี้ยจากเงินฝากแทนการจ่ายเงิน - การจัดหาเงินทุนจากบัญชีลูกหนี้ (Accounts Receivable Financing)
ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำใบแจ้งหนี้มาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อได้ทันที - การสร้างรายได้ของครีเอเตอร์ (Creator Monetization)
ช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าถึงเงินทุนล่วงหน้า เพื่อสร้างคอนเทนต์ แล้วชำระคืนเมื่อได้รับรายได้จากแพลตฟอร์ม
ตัวอย่างโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ PayFi
- Huma Finance – ให้บริการกู้ยืมเงินโดยใช้รายได้ในอนาคตเป็นหลักประกัน
- PolyFlow – พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ PayFi เพื่อรองรับธุรกรรมแบบกระจายศูนย์
- TLay – พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ DePIN และช่วยให้การจัดการสินทรัพย์จริงบนบล็อกเชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
PayFi เป็นแนวคิดที่กำลังเปลี่ยนเทรนด์โลกการเงิน โดยเชื่อม DeFi เข้ากับสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริง และช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากมูลค่าของเงินตามเวลา
แม้ว่าปัจจุบัน PayFi ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ศักยภาพของมันมีมากมายมหาศาล ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกรรมทางการเงินเกิดขึ้นเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับทุกคน
แนวคิดนี้กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และอาจเป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติระบบการเงินในอนาคต