Richard Teng ซีอีโอของ Binance แสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตของ Donald Trump จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบทั่วโลก
โดยระหว่างงาน CONVERGE LIVE ในสิงคโปร์ Teng กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของสหรัฐฯ จากท่าทีที่เคยไม่แน่นอนและเข้มงวดภายใต้รัฐบาลก่อนหน้า มาเป็นการสนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผย ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรม
Teng ร่วมเวทีกับ Chao Deng ซีอีโอของ HashKey Capital โดยทั้งคู่ชี้ว่านโยบายของ Trump กำลังดึงดูดทั้งสถาบันการเงินและนักลงทุนรายย่อยให้เข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น
การอภิปรายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Trump ออกคำสั่งบริหารให้สร้างกองทุนสำรองคริปโตแห่งชาติ โดยใช้สินทรัพย์ที่ถูกยึดจากกระบวนการทางกฎหมาย โดยกองทุนดังกล่าวจะถือ Bitcoin เป็นหลัก และสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อย่าง Ethereum, XRP, Solana และ Cardano
“นี่เป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ กำลังเปิดรับ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรอง ซึ่งอาจทำให้ประเทศอื่นต้องพิจารณากลยุทธ์ด้านคริปโตของตัวเองใหม่”
แม้จะมีประกาศดังกล่าว แต่ราคาของ Bitcoin และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ กลับปรับตัวลดลง เนื่องจากรายละเอียดของแผนสำรองยังไม่น่าประทับใจนัก และยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่ Trump วางแผนจะเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม Teng มองว่านี่เป็นเพียงการปรับฐานชั่วคราว เช่นเดียวกับความผันผวนในตลาดการเงินทั่วไป พร้อมย้ำว่านโยบายของ Trump รวมถึงการแต่งตั้งนักลงทุนสายคริปโตอย่าง David Sacks เป็นที่ปรึกษาด้าน AI และคริปโตในทำเนียบขาว จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมในระยะยาว
Teng ยังกล่าวถึงอุปสรรคด้านกฎระเบียบในอดีต โดยระบุว่ายุคของ Joe Biden มีปฏิบัติการ “Operation Choke Point 2.0” ที่กดดันให้ธนาคารตัดความสัมพันธ์กับธุรกิจคริปโต ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม
Teng สนับสนุนแนวคิดนี้ โดยชี้ว่าการที่ธนาคารกลับมาเปิดรับธุรกิจคริปโตในยุคของ Trump เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ ที่จะช่วยให้สถาบันการเงินกล้าเข้ามามีส่วนร่วมกับภาคส่วน Web3 และคริปโตมากขึ้น
ที่มา: Benzinga