ฮ่องกงคาดการณ์ว่าระบบนิเวศของฟินเทคจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยี บล็อกเชน สินทรัพย์ดิจิทัล Distributed Ledger Technology (DLT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมนี้
ปัจจุบัน ฮ่องกงมีบริษัทฟินเทคมากกว่า 1,100 แห่ง ซึ่งรวมถึง 175 บริษัทที่พัฒนาแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ด้านบล็อกเชน และ 111 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีการเติบโตถึง 250% และ 30% ตามลำดับตั้งแต่ปี 2022
ตามรายงาน Hong Kong Fintech Ecosystem ของ InvestHK ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ดูแลการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
“รายได้ของตลาดฟินเทคในฮ่องกงคาดว่าจะสูงถึง 606 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 28.5% ตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2032”
การเติบโตของอุตสาหกรรม Web3 ในฮ่องกงเป็นผลมาจากนโยบายที่เอื้อต่อภาคธุรกิจ และระบบการออกใบอนุญาตที่เปิดทางให้กับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินแบบโทเค็นและการบูรณาการ AI
จากการสำรวจของ InvestHK ซึ่งเก็บข้อมูลจาก 130 บริษัทฟินเทคที่ดำเนินธุรกิจในฮ่องกง พบว่าปัญหาหลักที่ภาคอุตสาหกรรมนี้เผชิญคือการขาดแคลนบุคลากร โดย 58.8% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ รองลงมาคือการเข้าถึงเงินทุนที่ 43.9%
ฮ่องกงใช้ข้อได้เปรียบจากนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของจีน ซึ่งช่วยให้เมืองนี้ยังคงรักษาเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี การไหลเวียนของเงินทุนที่ไม่ถูกจำกัด และความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจจากแผ่นดินใหญ่ได้
ภายใต้นโยบายดังกล่าว รัฐบาลฮ่องกงได้ริเริ่มนวัตกรรม Web3 หลายโครงการ เช่น ระบบออกใบอนุญาตสำหรับแพลตฟอร์มคริปโต การเปิดตัวกองทุนซื้อขาย Bitcoin และ Ethereum การพัฒนา sandbox สำหรับ Stablecoin โดย Hong Kong Monetary Authority (HKMA) รวมถึงการผลักดันโครงการด้านการเงินแบบโทเค็นและ AI
ย้อนกลับไปในปี 2021 HKMA ได้เผยกลยุทธ์ในการผลักดันฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลกภายในปี 2025 ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการใช้ฟินเทคในภาคธนาคาร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล และเพิ่มจำนวนบุคลากรในภาคฟินเทค ตลอดจนออกนโยบายสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคของฮ่องกง
ที่มา: Cointelegraph