<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>
bitkub-2022-769x90

ข้อมูลยืนยัน! Ethereum ยังเป็น Altcoin เบอร์หนึ่งที่นักลงทุนต้องมีติดพอร์ต

bitkub-2022-768x90
ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลล่าสุดยืนยันว่า Ethereum ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในโลก Altcoin ได้อย่างมั่นคง ด้วยมูลค่าที่ถูกล็อกไว้ในระบบ (TVL) มากกว่า 51,000 ล้านดอลลาร์, มี Stablecoin หมุนเวียนอยู่ถึง 124,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมรองรับเครือข่าย Layer-2 ถึง 152 ตัว และ DEX(ตลาดแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์)  อีก 67 แห่ง โดยทั้งหมดนี้อยู่บนโครงสร้างของ Ethereum ที่รองรับทั้ง dApps และโปรโตคอล DeFi หลายพันแห่ง

ในปี 2024 ที่ผ่านมา Ethereum ยังทำรายได้บนบล็อกเชน สูงสุดอยู่ที่ 2,500 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า Tron ที่ทำรายได้ได้ 2,100 ล้านดอลลาร์ และ Bitcoin ทำรายได้อยู่ที่ 923 ล้านดอลลาร์ แม้ Ethereum จะเพิ่งลดค่าธรรมเนียมลงไป 99% เมื่อเดือนมีนาคม 2024 แต่ Ethereum กลับยังสามารถทำรายได้สูงสุดในตลาด

Ethereum ทำรายได้จากค่าธรรมเนียมแซงหน้าบล็อกเชนส่วนใหญ่ในปี 2024

ในเดือนกันยายน ค่าธรรมเนียม Gas บน Ethereum ลดลงต่ำกว่า 1 Gwei ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งานรายย่อย รวมถึงโซลูชัน Layer-2 และ Layer-3 อย่าง Polygon, Arbitrum, Base และ Uniswap ที่ได้รับประโยชน์

แม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น ปัญหาความผันผวนของค่าธรรมเนียม ระบบ “Blob” ที่ยังไม่เสถียร หรือการจ่ายค่าธรรมเนียมด้วย ERC-20 แต่คาดว่า ปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไข ผ่านอัปเกรดครั้งสำคัญที่ชื่อว่า “Pectra” ซึ่งน่าจะเริ่มต้นช่วงปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคม 2025

Ethereum ยังถือเป็นเจ้าของระบบ DeFi ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าที่ถูกล็อกไว้ในระบบ (TVL) มากกว่า  51,000 ล้านดอลลาร์ และมี Stablecoin บนเชนอีก 126,000 ล้านดอลลาร์

หากนับรวมทั้งระบบ EVM และเชนที่สามารถเชื่อมต่อกับ Ethereum ได้ง่าย เช่น Tron หรือ Berachain จะมี TVL รวมกันอีกกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถ้า Ethereum สามารถทำอัปเกรด Pectra ได้สำเร็จ ก็คาดว่ามีแนวโน้มที่จะดึงมูลค่าที่ถูกล็อกไว้ในระบบ (TVL) จากเชนอื่นได้อีกถึง 75% หรือประมาณ 17,500 ล้านดอลลาร์​

15 อันดับบล็อกเชนที่มีมูลค่าทรัพย์สินล็อกไว้ (TVL) สูงที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีบล็อกเชนที่อาศัยโครงสร้างของ Ethereum ในการทำงาน รวมถึงในด้านความปลอดภัย เช่น Base, Arbitrum, Optimism, Linea, Shibarium ฯลฯ ซึ่งรวมแล้วมี Rollup อยู่ 63 เครือข่าย , มี Validium และ Optimium รวมกันอีก 84 และโปรเจกต์อื่น ๆ อีก 5 ตัว รวมทั้งหมดเป็น 152 เครือข่ายที่ทำงานบน Ethereum 

ซึ่งทุก ๆ การสร้างบล็อกบนเครือข่ายเหล่านี้ จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมกลับไปยัง Ethereum ด้วยในรูปแบบ blob fees

นอกจากนี้ Ethereum ยังเป็นบ้านของ DEX ใหญ่เล็กกว่า 67 แห่ง เช่น Uniswap, Curve ซึ่งเป็นแหล่งรายได้อีกทางหนึ่งที่สม่ำเสมอของ Ethereum 

เครือข่ายบล็อกเชนที่พึ่งพา Ethereum เป็นหลัก

รายชื่อ 15 อันดับ DEX (กระดานเทรดแบบกระจายศูนย์) บน Ethereum ที่มาแรงที่สุด

ในแง่ของการใช้งาน Stablecoin ก็ชัดเจนว่า Ethereum คือ แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะ USDT จาก Tether ที่มีสัดส่วนในการจ่ายค่าธรรมเนียมให้ Ethereum อยู่ที่ราว ๆ 5–10% ของทั้งหมด 

Tether ผู้จ่ายค่าธรรมเนียมให้ Ethereum มากที่สุด

กลุ่ม Stablecoin นี้เองก็เป็นรายได้ประจำที่ช่วยให้ Ethereum ยังมีรายรับสม่ำเสมอ แม้ในช่วงตลาดขาลงก็ตาม เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงถือเงินไว้ในรูปของ Stablecoin เพื่อรอจังหวะกลับเข้าตลาดอีกครั้ง

ที่สำคัญ Ethereum แทบไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย ไม่ว่าจะเป็น XRP, Cardano, Chainlink หรือแม้แต่ Tron ก็ยังไม่สามารถเทียบได้ ในแง่ระบบนิเวศและรายได้จริงที่เกิดขึ้น แม้ในช่วงที่ Solana ได้นิยมอย่างมาก จากกระแสเหรียญมีม แต่สุดท้ายก็แทบไม่มีผลกระทบกับ Ethereum เลย เพราะรายได้จากเหรียญเหล่านั้นมีเพียงเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับแหล่งรายได้หลักของ Ethereum

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า Ethereum ไม่ได้เป็นแค่ Altcoin ที่มีมูลค่ามากที่สุด แต่ยังเป็นแกนกลางของระบบนิเวศคริปโตที่มีความแข็งแกร่งรอบด้านอย่างแท้จริง

ข่าวต่อไป