เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 เมษายน) สหรัฐอเมริกาได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ Black Monday ส่งผลให้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโตเกิดขาลงอย่างฉับพลัน จนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นเป็นจำนวนมาก ตามหลังนโยบายภาษีของทรัมป์
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดคริปโต โดยเฉพาะราคาของ Bitcoin ที่ร่วงลงจากระดับ $82,000 สู่ $74,000 ภายในเวลาอันสั้น แต่หนึ่งในเหรียญที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดกลับไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือ Ethereum ซึ่งเจอกระแสเทขายอย่างหนักตามมา
อ้างอิงข้อมูลจากกราฟ ETH/USD บน Coinmarketcap แสดงให้เห็นว่า ราคาของ ETH ได้มีการดิ่งลงอย่างรุนแรงกว่า -25% ในวันเดียว จากระดับราคา $1,800 สู่ $1,415 ซึ่งเป็นระดับราคาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบ 2 ปี หรือเป็นระดับราคาเดียวกับช่วงที่ยังคงเป็นตลาดขาลงในวัฏจักรก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน เหล่านักเทรดฟิวเจอร์สก็หนีไม่พ้นแรงสั่นสะเทือนจากตลาด หลายรายถึงขั้นถูกล้างพอร์ต คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า $486 ล้าน ขณะที่มูลค่าสัญญาเปิด (Open Interest) ร่วงลงกว่า 15% ตามรายงานล่าสุดจาก Coinglass
ในขณะที่รายงาน Ethereum มีการซื้อขายอยู่ที่ $1,551 แม้จะมีการขยับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดมาอยู่ที่ $1,552 แล้วแต่ก็ยังคงถือว่าทำราคาร่วงลงกว่า 3.21% ในช่วงตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
