ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่า “วาฬ” หรือ นักลงทุนรายใหญ่ ได้ทำการเข้าซื้อเหรียญ Solana ($SOL) จำนวน 32,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 3.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การเข้าซื้อเหรียญในปริมาณมากนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังคงอยู่ในช่วงขาลง แต่สะท้อนให้เห็นมุมมองในเชิงบวกต่ออนาคตของเครือข่าย Solana ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการเปิดตัวโปรเจกต์เครือข่าย Layer- 2 ตัวแรก ภายใต้ชื่อ “Solaxy ($SOLX)”
Solaxy ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน โดยมียอดระดมทุนในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้นทะลุ 30 ล้านดอลลาร์ ภายในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อโปรเจกต์และระบบนิเวศของ Solana

ผู้เชี่ยวชาญในวงการบางคน มองว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน หรือ นักลงทุนที่มีข้อมูลเชิงลึก ที่เล็งเห็นโอกาสการเติบโตในระบบนิเวศของ Solana โดยเฉพาะโปรเจกต์ Layer- 2 ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็ว ค่าธรรมเนียม และการปรับขยายขนาดเครือข่ายได้
แม้ว่าตลาดคริปโตโดยรวมยังคงเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก แต่การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในวันนี้ อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของการฟื้นตัวในเชิงโครงสร้าง สำหรับระบบบล็อกเชนที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง Solana
ซึ่งขณะนี้ Solaxy ยังคงเดินหน้าระดมทุนอย่างต่อเนื่อง โดยราคาซื้อขายในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้น อยู่ที่ 0.001694 ดอลลาร์ต่อโทเค็น โดยเหลือเวลาเพียง 30 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นตามกำหนดการ
นอกจากศักยภาพของโปรเจกต์ในแง่ทางเทคโนโลยีแล้ว แพลตฟอร์ม Solaxy ยังเปิดโอกาสให้ผู้ถือเหรียญสามารถเข้าร่วม โปรโตคอล การ staking ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงถึง 135% ต่อปี (APY) ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการสะสม และการเติบโตของสินทรัพย์ของนักลงทุนในช่วงแรก ก่อนที่โปรเจกต์จะเข้าสู่เฟสถัดไป
เจ้ามือทุ่มซื้อ Solana มูลค่า 13 ล้านดอลลาร์ ภายในไม่ถึงปี ทำกำไรแล้วกว่า ห้าแสนดอลลาร์
เจ้ามือ หรือ นักลงทุนรายใหญ่ในสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แสดงความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนใน Solana ($SOL) ด้วยการเข้าซื้อเหรียญ Solana ($SOL) มูลค่ารวมเกือบ 13 ล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
การซื้อเหรียญจำนวน 32,000 $SOL คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.72 ล้านดอลลาร์ สร้างผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าของเหรียญดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นราว 4.25 ล้านดอลลาร์ ตามราคาปัจจุบันที่ 133 ดอลลาร์ ต่อเหรียญ ส่งผลให้เจ้ามือรายนี้มีกำไรกว่า 500,000 ดอลลาร์ ในระยะเวลาอันสั้น
ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ Lookonchain พบว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลเดียวกันนี้ เคยซื้อ Solana มูลค่า 9 ล้านดอลลาร์ เมื่อหกเดือนก่อน และเข้าซื้อ Solana อีกครั้ง 6.5 ล้านเหรียญ ที่ราคาสูงถึง 216 ดอลลาร์ เมื่อสามปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการลงทุนแบบระยะยาว
นอกจากนี้ นักลงทุนรายนี้ ยังคงถือครอง $SOL แม้ในช่วงที่ราคาเหรียญร่วงลงไปต่ำถึง 10 ดอลลาร์ ในช่วงวิกฤตคริปโตที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในศักยภาพของ Solana ในระยะยาว
แม้ว่าการลงทุนก่อนหน้านี้ของเจ้ามือ Solana จะยังไม่สร้างผลกำไรเต็มที่ แต่การสะสมเหรียญในช่วงต้นของตลาด ก็บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของ Solana ($SOL) อย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงต้นเดือนเมษายน ราคา $SOL เคยร่วงลงแตะระดับต่ำสุดที่ 97 ดอลลาร์ก่อนจะดีดกลับมาเหนือ 130 ดอลลาร์ ได้ภายในเวลาไม่กี่วัน การฟื้นตัวครั้งนี้สอดคล้องกับข่าวการประกาศพักการจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากมองว่า เป็นสัญญาณผ่อนคลายทางมหภาค และส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวในตลาดคริปโต
ด้านมุมมองจากนักลงทุนสถาบัน VanEck ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ยังคงแสดงจุดยืนในเชิงบวกต่อ Solana โดยตั้งเป้าราคาของ Solana ในสิ้นปีไว้ที่ 520 ดอลลาร์ ต่อเหรียญ
ซึ่งหนึ่งในแกนหลักของบทวิเคราะห์นี้คือ การคาดการณ์ว่า ปริมาณเงิน M2 ของสหรัฐฯ จะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งเป็นดัชนีที่มีความเชื่อมโยงกับวัฏจักรการปรับตัวขึ้นของ Bitcoin และเหรียญ altcoins อื่น ๆ อย่าง Solana
ในขณะที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจระดับมหภาคเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็กำลังเผชิญกระแสเรียกร้องให้หันกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing – QE) อีกครั้ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง โอกาสที่กระแสเงินลงทุนจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดคริปโตก็อาจอยู่ไม่ไกล

นักวิเคราะห์จาก VanEck มองว่า Solana ($SOL) ยังมีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดในภาคสัญญา Smart Contract จากระดับ 15% ในปัจจุบันไปแตะ 22% ภายในสิ้นปี 2025 แต่เส้นทางนี้ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง “ความเสถียรของเครือข่าย” ภายใต้การใช้งานที่หนาแน่น ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ฉุดรั้ง Solana จากการก้าวขึ้นไปเทียบชั้นกับ Ethereum ได้อย่างเต็มตัวในมุมมองของนักพัฒนาและผู้ใช้งานบางส่วน
โดยจุดนี้เองที่โปรเจกต์ Solaxy ($SOLX) เข้ามามีบทบาทในฐานะ Layer-2 ตัวแรกของ Solana ซึ่งออกแบบมาเพื่อ เสริมศักยภาพการรองรับการขยายตัวของเครือข่าย โดยตรง ทั้งในด้านความเร็ว ปริมาณธุรกรรม และความยืดหยุ่นในการรองรับแอปพลิเคชัน Smart Contract ขนาดใหญ่
หาก Solana ต้องการรับมือกับการเติบโตในคลื่นลูกถัดไป โครงสร้างพื้นฐาน ที่ยืดหยุ่นและการรองรับการขยายตัวจะเป็นกุญแจสำคัญ และ Solaxy ก็กำลังวางตัวเป็นรากฐานสำคัญ
แม้ข้อมูลทั้งหมดจะยังอยู่ในขั้นของ “การคาดการณ์” และยังไม่มีการยืนยันเชิงเทคนิคอย่างชัดเจน แต่การที่เจ้ามือรายใหญ่เข้าซื้อ $SOL ครั้งล่าสุดในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปี (เมื่อเทียบกับช่องว่างกว่า 3 ปีจากการซื้อครั้งก่อนในช่วงปี 2021–2024 ) อาจสะท้อนถึงความเชื่อมั่นครั้งใหม่ ไม่ใช่แค่ในตัวโปรเจกต์ Solana เท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งที่กำลังถูกพัฒนาขึ้นรอบ ๆ โดยเฉพาะ Solaxy ที่อาจกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา และจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบนิเวศนี้ในอนาคต
Solaxy อาจกลายเป็น “โมเมนต์ Arbitrum” ของฝั่ง Solana ขณะที่เหล่าเจ้ามือเริ่มแห่สะสมทั้ง $SOL และ $SOLX ล่วงหน้า
นักลงทุนรายใหญ่เริ่มมองว่า Solaxy ($SOLX) อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของ Solana ที่เปรียบได้กับ “ช่วงเวลา Arbitrum” ของ Ethereum ในอดีต
เมื่อ Arbitrum สร้างระบบ Layer-2 อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ก่อนที่วิกฤตค่าธรรมเนียมแก๊สจะผลักดันให้ระบบดังกล่าว กลายเป็นศูนย์กลางของตลาด และพุ่งสู่มูลค่าตลาดกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ในเวลาไม่นาน
ในอดีต Solana ถูกมองว่า โครงสร้างบล็อกเชนแบบ monolithic ของตนเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการด้าน scalability แต่เหตุการณ์ ระบบล่มและความแออัดของเครือข่ายหลายครั้ง ได้เผยให้เห็นข้อจำกัดที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
Solaxy จึงเข้ามาเติมเต็ม ในฐานะ Layer-2 ตัวแรกของ Solana โดยทำหน้าที่เป็น execution layer สำหรับดูดซับธุรกรรมที่ล้นระบบ และส่งข้อมูลที่ประมวลผลแล้วกลับขึ้นไปยัง mainnet เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปรับขยายขนาดโดยไม่ลดประสิทธิภาพของเครือข่ายหลัก
Solaxy มาพร้อมเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ระบบ fraud-proof, กลไกส่งข้อความแบบ trust-minimized, และสะพานข้ามเชนแบบ optimistic bridge ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ Solana ยังขาด ในการแข่งขันด้าน Layer-2 กับเชนอื่น
แม้ Solana จะมีฐานแข็งแกร่งอยู่แล้ว ในภาคส่วนอย่าง DeFi, เกมบล็อกเชน และการเปิดตัวโทเค็น แต่ Solaxy คือจิ๊กซอว์สุดท้าย ที่อาจช่วยให้ Solana ไม่เพียงแค่แข่งขันได้ แต่ขึ้นครองความเป็นผู้นำในระดับโครงสร้างได้อีกด้วย
โดยความเชื่อมั่นนี้ อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้ามือบางราย ถึงเริ่มสะสมทั้ง $SOL และ $SOLX ตั้งแต่ช่วงต้น ๆ โดยเฉพาะเจ้ามือรายหนึ่งที่เข้าซื้อโทเคน Solaxy จำนวน 1 ล้าน $SOLX (มูลค่าราว 242,000 ดอลลาร์) ล่วงหน้าหลายสัปดาห์ ก่อนการเข้าซื้อ เหรียญ $SOL มูลค่า 3.7 ล้านดอลลาร์ จะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา
การลงทุนคู่ขนานนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนความเชื่อมั่นในอนาคตของ Solana เท่านั้น แต่ยังชี้ชัดว่า นักลงทุนบางรายกำลังเดิมพันกับ “สิ่งที่จะมาปลดล็อกศักยภาพนั้น” ซึ่งคือโครงสร้างพื้นฐานระดับ Layer-2 อย่าง Solaxy นั่นเอง

รายละเอียดแฮชธุรกรรมบน Ethereum (Txhash) | Etherscan
นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า smart money ไม่ได้เดิมพันแค่กับความแข็งแกร่งของ $SOL เท่านั้น แต่ยังมองเห็นโอกาสระยะยาวใน Solaxy ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญของบทถัดไปในระบบนิเวศของ Solana
และหาก Solana ต้องการท้าทายอำนาจของ Ethereum อย่างจริงจัง อาจจะไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง แต่ต้องใช้ Layer-2 อย่าง Solax เข้ามาเป็นผู้นำในแข่งขันนี้
หากคุณสนใจเข้าร่วม ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของโปรเจกต์ $SOLX สามารถเข้าร่วม ผ่านเว็บไซต์ทางการ Solaxy เพียงเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณ โดย Best Wallet เป็น Solana wallet อีกตัวเลือกที่ใช้งานสะดวกและรองรับได้หลายเครือข่าย
โดยรองรับทั้ง Ethereum, Bitcoin และคาดว่า Solana จะถูกรองรับในอนาคตเร็วๆนี้ จึงเหมาะสมสำหรับเก็บ $SOLX ไว้เป็นอย่างมาก
คุณสามารถดาวน์โหลด Best Wallet ได้ผ่าน Google Play หรือ Apple App Store เพื่อติดตามพอร์ตของคุณได้แบบเรียลไทม์
อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ ทางทีมงานของ Solaxy กำลังพัฒนา blockchain explorer ของตัวเอง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงมีแผนอัปเกรดด้านประสิทธิภาพ การประมวลผลข้อมูล และการเชื่อมต่อข้ามเครือข่าย (cross-chain)
หากอยากติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด แนะนำให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน Solaxy บน X (Twitter) และ Telegram เพื่อไม่พลาดทุกอัปเดตสำคัญ
หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา Solaxy เพิ่มเติม ได้แล้ว
เช็คลิสต์ | รายละเอียด | สถานะ |
---|---|---|
1. เว็บไซต์ & Whitepaper | โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม | ✔️ |
2. ความโปร่งใสของทีมงาน | ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด | ❌ |
3. Tokenomics | เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป | ✔️ |
4.Smart Contract | Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน | ⚠️ (ไม่ชัดเจน) |
5. มีกำหนดการชัดเจน | โปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน | ❌ |
6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้ | กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้ | ⚠️ (ไม่ชัดเจน) |
7. คอมมูนิตี้ | โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว | ✔️ |
8. สภาพคล่อง | โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น | ❌ |
9. สัญญาณอันตราย | โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น | ✔️ |
อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่ |
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน
บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์