Ethereum กำลังจะทำการอัปเกรดครั้งใหญ่ในชื่อว่า “Pectra” ซึ่งเตรียมเปิดใช้งานในวันที่ 30 เมษายน 2025 โดยการอัปเกรดครั้งนี้ไม่ใช่แค่ปรับปรุงเพียงเล็กน้อย แต่เป็นการยกระดับเครือข่าย ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งานของเครือข่าย ให้ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและเหล่า validator บนระบบ
เดิมที Ethereum จะทำการอัปเกรด Pectra ช่วงต้นเดือนเมษายน แต่มีเหตุต้องเลื่อนออกไป เพราะยังอยู่ในช่วงทดสอบบน testnet อย่าง Hoodi ที่หลังเปิดใช้งาน กลับพบบั้คบางอย่างบน Holesky และ Sepolia ซึ่งตอนนี้ก็ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
การอัปเกรด Pectra ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในแผนระยะยาวของ Ethereum ที่มุ่งทำให้ระบบใช้งานได้ง่าย และดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วงทดสอบ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นักพัฒนาได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง เช่น account abstraction และระบบใหม่ของ validator ซึ่งทำให้การโต้ตอบบน Ethereum มีแนวโน้มจะลื่นไหลมากขึ้น
จุดเปลี่ยนที่สำคัญในการอัปเกรด Pectra สำหรับฝั่งผู้ใช้งาน คือ ฟีเจอร์ “account abstraction” ที่จะเปลี่ยนกระเป๋าเงินธรรมดาแบบเดิม (EOA) ให้กลายเป็น smart wallet ที่สามารถทำธุรกรรมแบบรวมขั้นตอน เช่น “อนุมัติ + ซื้อขาย” ได้ในคลิกเดียว แถมยังมีระบบ “gas sponsorship” ที่ให้สามารถจ่ายค่าแก๊ส ด้วยเหรียญอื่น ที่ไม่ใช่ ETH ได้ ซึ่งน่าจะช่วยให้คนใช้ Ethereum สะดวกกว่าเดิมมาก และยังรองรับ Layer-2 ได้ดีขึ้น ช่วยให้ Arbitrum หรือ Base ขยายเครือข่ายและจัดการทรัพยากรได้ดีขึ้น
ส่วนฝั่ง validator ก็มีการปรับปรุงที่น่าสนใจเช่นกัน โดย Pectra จะเพิ่มขีดจำกัดของการ stake ที่ได้รางวัลจาก 32 ETH ไปเป็นสูงสุด 2,048 ETH รวมถึง มีระบบ opt-in สำหรับ การเปลี่ยนรูปแบบการถอนเงิน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ validator รายใหญ่ มีรายได้จากการ stake มากขึ้น และ validator รายย่อย ก็สามารถทบกำไรกลับไปในระบบได้อัตโนมัติ เป็นการเพิ่มแรงจูงใจให้คนมาร่วม stake ETH มากขึ้นในระยะยาว
การอัปเกรด Pectra ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่จะช่วยให้ Ethereum แข็งแกร่งขึ้น ทำงานได้ดีขึ้นทั้งในฝั่งผู้ใช้งานและฝั่ง validator พร้อมกับวางรากฐานที่มั่นคงให้กับการเติบโตของ Layer-2 ในอนาคต
ในขณะที่รายงาน ราคา Ethereum กำลังซื้อขายอยู่ที่ 1764.09 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10.94% ภายใน 24 ชั่วโมง อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap
- ที่มา : ambcrypto
- ที่มารูปภาพ : thecryptonomist