<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จีนเปิดตัว “ตู้ ATM หลอมทอง” เปลี่ยนเครื่องประดับเป็นเงินสด โอนเข้าบัญชีภายใน 30 นาที!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประเทศจีนกำลังฮือฮากับตู้ ATM รูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้ให้กดเงิน แต่สามารถเอาทองคำมาหลอม แลกไปเป็นเงินสดได้ โดยบริษัท Kinghood Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องประดับในจีน ได้เปิดตัวตู้ “Gold Trade-In ATM” ที่ประชาชนสามารถเอาทองรูปพรรณมารีไซเคิลและรับเงินสดเข้าบัญชีทันที โดยตู้ ATM นี้ จะรับเฉพาะทองคำ ที่หนักอย่างน้อย 3 กรัม และมีความบริสุทธิ์ขั้นต่ำ 50%

กระบวนการ ในการใช้งานตู้ ATM นี้รวดเร็วมาก เพียงวางทองลงในถาดของเครื่อง ระบบจะทำการหลอมทองที่อุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียส แล้วตรวจวัดน้ำหนัก ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทอง และคำนวณราคาขายออกมา ในเวลาประมาณ 3 นาที 

หากผู้ใช้งานตกลง ระบบจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารภายใน 30 นาที โดยหักค่าธรรมเนียมเล็กน้อย

Xiao Yingjie ผู้จัดการแบรนด์ของ Kinghood บอกกับ China Daily ว่า ตู้ ATM นี้เคยถูกนำไปเปิดตัวที่งาน Jewellery & Gem World Hong Kong เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และตอนนี้ได้เริ่มกระจายตู้ ATM นี้ ไปตามเมืองต่าง ๆ ในประเทศจีน โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสาขาแรกที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม

ตามรายงานจาก China Times ระบุว่า แค่ช่วงบ่ายของวันที่ 17 เมษายน ก็มีผู้จองคิวใช้งานตู้ ATM นี้ถึง 52 รายแล้ว  ซึ่งพนักงานเปิดเผยว่า เครื่อง ATM นี้ ต้องจองใช้งานล่วงหน้าเท่านั้น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มแบบไม่มีพัก ชาวเมืองแห่นำทองมาแลกเป็นเงินสดกันตลอดทั้งวันแบบไม่ขาดสาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาทองคำพุ่งทำ All Time High ที่ $3,400 ต่อออนซ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาวันจันทร์ที่ผ่านมา การใช้บริการตู้แลกทองคำยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีก เพราะใคร ๆ ก็อยากรีบขาย ตอนที่ราคากำลังสูงแบบนี้

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การมาของตู้ ATM นี้กำลัง “จุดกระแสเปรียบเทียบใหม่” ระหว่าง ทองคำ และ Bitcoin ว่าสินทรัพย์ใดเหมาะจะเป็น “Safe Haven” ของโลกยุคถัดไป

เพราะในขณะที่ทองคำมี “เครื่องหลอม” Bitcoin กลับมี “ บล็อกเชน” ที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับรองมูลค่าและความมั่นคงแบบไร้ตัวกลาง นักลงทุนยุคใหม่จึงเริ่มหันมามองว่า Bitcoin อาจเป็นทองคำเวอร์ชัน 2.0 ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการจัดเก็บหรือค่าขนส่ง หรือแม้แต่โอนหน่วยย่อยของสกุลเงิน Bitcoin ก็สามารถทำครบจบผ่านระบบดิจิทัล

ที่มา : jckonline