ในแวดวงการลงทุนในตลาดหุ้น หลายคนอาจคุ้นเคยกับวลี “Sell in May and go away” ซึ่งหมายถึงแนวคิดที่ให้นักลงทุนขายหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม แล้วค่อยกลับมาในช่วงปลายปี เพราะตามสถิติแล้ว ช่วงกลางปีมักเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นทำผลงานได้ไม่ค่อยดี แม้จะเป็นเพียงความเชื่อ แต่ข้อมูลในอดีตก็สนับสนุนว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจริงในหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาด Bitcoin ก็อาจได้รับผลกระทบจากวลีดังกล่าวเช่นกัน ทำให้นักลงทุนบางรายเกิดความไม่มั่นใจว่าเดือนพฤษภาคมนี้ Bitcoin จะยังน่าจับตาอยู่หรือไม่ แต่หากย้อนดูข้อมูลย้อนหลังตลอด 12 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าเดือนพฤษภาคมไม่ใช่ช่วงที่ Bitcoin ทำผลงานแย่เสมอไป บางปีราคายังพุ่งแรงสวนกระแสตลาดหุ้นอีกด้วย
หากย้อนกลับไปดูข้อมูลจาก Bitcoin Monthly Returns บนเว็บ Coinglass จะเห็นว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา (ไม่นับปีนี้) เดือนพฤษภาคมถือว่าเป็นเดือนที่เดายากพอสมควร เพราะมีโอกาสพอ ๆ กันที่ราคาจะขึ้นหรือลง เรียกว่าครึ่งต่อครึ่งเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเฉลี่ยผลตอบแทนออกมาแล้ว ในเดือนพฤษภาคม Bitcoin สามารถทำกำไรเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง +7.55%

แต่ถ้าลองเจาะลึกลงไปอีก จะเห็นว่าในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา มีแค่ 3 ครั้งเท่านั้นที่ราคา Bitcoin ร่วงหนักเกิน 10% ในเดือนพฤษภาคม นั่นคือปี 2018, 2021 และ 2022 โดยในจำนวนนี้ มีแค่ปี 2022 ปีเดียวที่เป็นตลาดขาลง (Bear Market) แบบชัดเจน ส่วนปี 2018 ยังอยู่ในช่วงกำลังไต่ตัวกลับเข้าสู่ขาขึ้น (Bull) และปี 2021 ก็เป็นช่วงที่ฟองสบู่แตกหลังจากราคาขึ้นแรงแบบเกินจริง
ดังนั้น หากไม่มีเหตุการณ์พลิกผันในปี 2025 ราคาของ Bitcoin ก็ไม่น่าจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากในสถานการณ์ปัจจุบัน Bitcoin ยังคงมีข่าวดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังคงยืนหยัดอยู่ได้ แม้เผชิญกับความผันผวนในเรื่องของนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา