Michael Saylor ผู้ก่อตั้งของบริษัท Strategy กล่าวว่าราคา Bitcoin จะยังไม่ไปถึง $150,000 เนื่องจากผู้ถือครองที่ไม่มีมุมมองในระยะยาวจะทำการเทขายเหรียญออกไป ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่กำลังเริ่มเข้าสู่ตลาด
“ผมคิดว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน” Saylor กล่าวในพอดแคสต์ Coin Stories กับ Natalie Brunell เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม
มุมมองของนักลงทุนที่ถือครองระยะสั้นจะนำมาซึ่งการเทขาย
Saylor กล่าวว่า “กลุ่มบุคคลที่ไม่ได้ผลประโยชน์ในเชิงตัวเลขจำนวนมากกำลังหมุนเวียนออกจาก Bitcoin” อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน “กลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่กำลังเข้ามา”
“ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม Bitcoin จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในมือของรัฐบาล, ทนายความ และในมือของผู้ดูสินทรพย์จากการยื่นล้มละลาย” เขากล่าวเสริม
Saylor กล่าวว่าพวกกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มี “วิธีคิดของนักลงทุนแบบระยะยาว 10 ปี” และเมื่อราคา Bitcoin เริ่มปรับตัวสูงขึ้น พวกเขาจึงใช้ประโยชน์จากจัวหวะนี้สร้างโอกาสทำเงินโดย “คิดว่านี่คือจุดในการออกจาก Bitcoin ที่ดีเพื่อสร้างสภาพคล่อง”
“ดังนั้น ผมคิดว่าคนที่ไม่ค่อยมุ่งมั่นมีเป้าหมายในระยะยาวจะได้ใช้โอกาสนี้ในการออกจากตลาด และนักลงทุนหน้าใหม่กำลังเข้ามาโดยผ่าน ETF และบริษัทที่ถือ Bitcoin เอาไว้ในการครอบครอง”
หลังจากที่ Bitcoin ขึ้นไปแตะ all time high ที่ $109,000 ในวันที่ 20 มกราคม เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ประธานาธิบดี Donald Trump จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี แต่แล้วราคาของ Bitcoin ได้ร่วงต่ำลงถึง $76,273 ในวันที่ 9 เมษายน ก่อนที่จะเริ่มแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว
ก่อนที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม Bitcoin จะกลับมาแตะ $100,000 ได้อีกครั้งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump เสนอมาตรการภาษีนำเข้าสุดโหด การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ล่าสุดทำให้การถือครอง Bitcoin ของ Strategy มียอดตัวเลขกำไรเพิ่มขึ้น 50.27% ด้วยราคาซื้อ Bitcoin โดยเฉลี่ยที่ $68,569 ณ เวลาที่เผยแพร่ Strategy ถือ Bitcoin อยู่ทั้งหมดในตอนนี้ที่ 555,450 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 57,230 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Saylor Tracker
ที่มา : Cointelegraph