Google เพิ่งปล่อยแอปใหม่ที่ชื่อว่า “AI Edge Gallery” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้สมาร์ตโฟน Android ของคุณ สามารถรันโมเดล AI ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตหรือคลาวด์เลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญ มีความเป็นส่วนตัว ไม่ได้ส่งข้อมูลการใช้ AI ของคุณ กลับไปให้เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่
แอปนี้สามารถโหลดได้จาก GitHub โดยใช้ไลเซนส์ Apache 2.0 ที่ใคร ๆ ก็สามารถนำไปใช้ หรือพัฒนาต่อได้อย่างอิสระ ซึ่งตอนนี้ยังรองรับเฉพาะบน Android ส่วนเวอร์ชัน iOS กำลังจะตามมาเร็ว ๆ นี้
AI Edge Gallery รองรับโมเดลขนาดใหญ่ ๆ อย่าง Gemma 3n ของ Google และสามารถทำงานได้ทั้ง แชทกับAI , วิเคราะห์ภาพ หรือแม้แต่เขียนโค้ด โดยทั้งหมดนี้รันจากฮาร์ดแวร์ในมือถือของคุณล้วน ๆ
แม้จะดูเหมือนเป็นของเล่นสำหรับนักพัฒนา แต่ UI ก็จัดว่าดีเกินคาด ในแอปจะมี 3 ฟีเจอร์หลักคือ AI Chat สำหรับคุยกับโมเดล , Ask Image สำหรับวิเคราะห์ภาพ และ Prompt Lab ซึ่งเหมาะสำหรับงานง่าย ๆ แบบรีไรต์ข้อความเช่นการสรุปหรือเขียนใหม่
คุณสามารถดาวน์โหลดโมเดลมาใช้ได้จากแพลตฟอร์มอย่าง Hugging Face แต่ตอนนี้ยังรองรับแค่ฟอร์แมตเฉพาะบางฟอร์แมตเท่านั้น เช่น .task ของ Gemma-3n-E2B กับ Qwen2.5-1.5B เท่านั้น

หลายคนใน Reddit ก็อดเปรียบเทียบกับแอปเจ้าอื่นอย่าง PocketPal ไม่ได้ และบางคนก็กังวลเรื่องความปลอดภัย แต่การที่แอปนี้ถูกปล่อยโดยตรงจาก GitHub อย่างเป็นทางการของ Google ก็ทำให้ยังไม่มีใครพบปัญหาเรื่องมัลแวร์ หรือปัญหาในด้านความปลอดภัยอะไร
ซึ่งได้มีการทดสอบการใช้งานแอปนี้กับมือถือ Galaxy S24 Ultra แล้วลองดาวน์โหลดทั้งโมเดลใหญ่สุดและเล็กสุด ซึ่งโมเดล Gemma 3 ตัวใหญ่ จะมีขนาดราว 4.4 GB ส่วนตัวเล็กจะอยู่ที่ประมาณ 554 MB หลังดาวน์โหลดมาแล้วสามารถใช้งานได้เลย แบบที่ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ในการทดสอบ พบว่า แม้จะรันด้วย CPU ก็ยังสามารถทำความเร็วได้ใกล้เคียงกับ GPT-3.5 สมัยเปิดตัวใหม่ๆ ส่วนโมเดลขนาดเล็กก็ให้ความเร็วเฉลี่ยถึง 20 โทเค็นต่อวินาที ส่วนบน GPU ในขณะโหลดก็ทำได้เกิน 100 โทเค็นต่อวินาที และตอนแสดงผลสามารถทำได้ประมาณ 10 โทเคนต่อวินาที
แม้จะไม่มีระบบเรียนรู้ใหม่ ๆ แบบที่ ChatGPT ทำได้ แต่จุดเด่นของแอปนี้ คือความเป็นส่วนตัว เนื่องจากไม่มีการส่งข้อมูลใด ๆ ออกนอกเครื่องเลย เหมาะกับคนที่ต้องจัดการข้อมูลสำคัญ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ นักข่าว หรือใครก็ตามที่ไม่อยากให้ข้อมูลหลุดไปถึง Google หรือ OpenAI
นอกจากนี้ แอปนี้ยังมีความสามารถด้านมัลติโหมด เช่น การวิเคราะห์ภาพที่ให้ผลได้อย่างแม่นยำ โดย ในกรณีหนึ่ง โมเดลบน CPU สามารถเดาอายุจากภาพได้แม่นกว่าที่รันบน GPU เสียอีก


แต่แอปนี้ก็ยังข้อเสียอยู่ เช่น ขนาดโมเดลที่ใหญ่จนใช้พื้นที่ใช้งานมาก, ทำให้แบตหมดไว, คนทั่วไปอาจติดตั้งยาก และไม่รองรับโมเดล .safetensor ที่เป็นฟอร์แมตหลักของ LLM ส่วนใหญ่บนอินเทอร์เน็ต
แม้ว่า AI บนคลาวด์ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ Google ก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่า อนาคตของ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางอีกต่อไป วันนี้เราเริ่มเห็นแนวโน้มการมอบอำนาจ ให้กับผู้ใช้มากขึ้น ด้วยการพัฒนา AI ที่สามารถ ทำงานแบบออฟไลน์ มีความเป็นส่วนตัวสูง และใช้งานได้จริงบนมือถือเพียงเครื่องเดียว
หากในอนาคตมีการเพิ่มรองรับ .safetensor เข้าไป แอปนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานของทุกคนที่อยากใช้ AI แบบเป็นส่วนตัวและควบคุมได้เองอย่างแท้จริง
ที่มา : decrypt

