Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Maelstrom มองว่าการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan – BoJ) ในวันที่ 16-17 มิถุนายนนี้ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึง Bitcoin และตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
Hayes วิเคราะห์ว่าหากธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจชะลอการใช้นโยบาย Quantitative Tightening (QT) และหันกลับมาใช้มาตรการ Quantitative Easing (QE) อีกครั้ง จะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยง “ทะยานขึ้นทันที”
“ถ้า BOJ เลื่อน QT แล้วกลับมาใช้ QE แบบเลือกเป้าหมาย สินทรัพย์เสี่ยงจะพุ่งกระฉูด”
QE คือมาตรการที่ธนาคารกลางใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงและกระตุ้นการใช้จ่าย โดย BoJ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2024 ว่าจะลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลลง 400 พันล้านเยนต่อไตรมาส เริ่มเดือนสิงหาคม ซึ่งประเด็นนี้กำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลกลางในการประชุมครั้งนี้
รายงานจาก Bloomberg ระบุว่าเจ้าหน้าที่ BoJ กำลังพิจารณาลดการซื้อพันธบัตรลงแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจปรับจาก 400 พันล้านเยนเหลือ 200 พันล้านเยนต่อไตรมาส เริ่มเดือนเมษายน 2027 ซึ่งอาจสะท้อนถึงท่าทีผ่อนคลายด้านนโยบายการเงิน
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มพิจารณาบทบาทของ Bitcoin ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาล โดย André Dragosch หัวหน้าฝ่ายวิจัยยุโรปของ Bitwise มองว่าความเสี่ยงจากพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นแรงผลักดันให้ Bitcoin วิ่งแตะ 200,000 ดอลลาร์ในอนาคต พร้อมชี้ว่า Bitcoin ไม่มีความเสี่ยงจากคู่สัญญา
ปกติแล้วพันธบัตรรัฐบาลถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่หากอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มักสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความยั่งยืนทางการคลังและความสามารถในการชำระหนี้ของภาครัฐ นำมาซึ่งแรงซื้อในสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin เพิ่มขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cointelegraph