SharpLink Gaming บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็น “Strategy แห่งฝั่ง Ethereum” หลังเปิดเผยแผนกลยุทธ์ในการถือครอง Ethereum เป็นทุนสำรอง ล่าสุดกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับบริษัท
ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัท SharpLink Gaming ร่วงลงมากกว่า 70% หลังเวลาทำการซื้อขายในวันที่ 12 มิถุนายน (ตามเวลาสหรัฐฯ) โดยสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทได้ยื่นแบบฟอร์ม S-3ASR ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งเป็นการขออนุญาตในการเสนอขายหุ้นใหม่จำนวนสูงสุด 58,699,760 หุ้น
การยื่นเอกสารครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแผนการระดมทุนในรูปแบบ Private Investment in Public Equity (PIPE) หรือการระดมทุนจากนักลงทุนสถาบันในลักษณะของการซื้อหุ้นบริษัทมหาชน ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณ “dilution” หรือการลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของของผู้ถือหุ้นเดิม จึงกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาด
ชาร์ลส์ อัลเลน ซีอีโอของ BTCS บริษัทที่ดำเนินกลยุทธ์ถือครองคริปโตเป็นทุนสำรอง ได้ออกมาอธิบายผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า เอกสารที่ SharpLink Gaming ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ได้เปิดทางให้ผู้ถือหุ้นมากกว่า 100 รายจากการระดมทุนรอบ PIPE สามารถขายหุ้นของตนออกสู่ตลาดได้
อย่างไรก็ตามเขาเตือนว่า การเปิดให้ขายหุ้นพร้อมกันจำนวนมากในลักษณะนี้ อาจนำไปสู่ภาวะ หุ้นล้นตลาด (Oversupply) ซึ่งมักเป็นชนวนที่กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นหลังเวลาทำการของตลาด ยิ่งส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน SharpLink Gaming ได้ดำเนินการระดมทุนมากกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านรูปแบบ PIPE โดยมีเป้าหมายนำเงินที่ได้มาใช้ในการเข้าซื้อ Ethereum เพื่อถือเป็นสินทรัพย์สำรองของบริษัท คล้ายกับแนวทางที่ Strategy ของ Michael Saylor ใช้กับ Bitcoin
แต่การที่บริษัทปล่อยให้มีการเทขายหุ้นออกมาจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น กำลังสร้างสั่นคล่อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลายราย จนเริ่มตั้งคำถามว่า SharpLink Gaming จะสามารถเดินหน้าแผนถือ Ethereum ได้ตามที่ประกาศไว้หรือไม่
หากมองจากภายนอกแบบคร่าว ๆ ก็เริ่มเห็นผลกระทบอย่างชัดเจน โดยหุ้นของบริษัทในช่วงเวลาทำการวันนี้ (13 มิถุนายน) ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 12% ซึ่งไม่เพียงเกิดจากปัจจัยภายในเท่านั้น แต่ยังถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมถึงราคาของ Ethereum ที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงเวลาเดียวกัน
ที่มา : Coindesk

