Tether ผู้ออกเหรียญ stablecoin รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ดำเนินการอายัดสินทรัพย์ดิจิทัลบนเครือข่าย Tron มูลค่ากว่า 12.3 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมต้องสงสัย และเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมายในวงการคริปโต
การอายัดครั้งนี้ถูกดำเนินการเมื่อเวลา 9:15 น. ตามเวลา UTC ของวันอาทิตย์ ตามข้อมูลจาก Tronscan แม้ Tether จะยังไม่มีการออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับความกังวลด้านการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร หรือความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน
โดยก่อนหน้านี้ Tether ได้ประกาศนโยบายอายัดกระเป๋าเงินที่เข้มงวดเพื่อต่อสู้กับการฟอกเงิน การสนับสนุนการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย โดยยึดแนวทางตามบัญชีรายชื่อ SDN ของหน่วยงาน OFAC แห่งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

การอายัดสินทรัพย์ของ Tether ได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทอายัด USDT มูลค่า 27 ล้านดอลลาร์บนแพลตฟอร์ม Garantex ซึ่งในวันเดียวกันนั้น แพลตฟอร์มดังกล่าวประกาศหยุดให้บริการ พร้อมกล่าวหาว่า Tether ประกาศสงครามกับตลาดคริปโตของรัสเซีย
ในเดือนเมษายน 2022 หน่วยงาน OFAC ได้ประกาศคว่ำบาตร Garantex โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้าน AML และกฎระเบียบอื่นๆ แม้จะมีการอายัดก่อนหน้านี้ แต่รายงานจาก Global Ledger เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนระบุว่ายังมีเงินสำรองมูลค่ากว่า 15 ล้านดอลลาร์ที่เชื่อมโยงกับ Garantex บนบล็อกเชน

แม้ Tether เผชิญเสียงวิจารณ์จากกลุ่มผู้สนับสนุนการกระจายอำนาจถึงความสามารถในการอายัดเหรียญได้เอง แต่กลไกนี้ช่วยหยุดยั้งการฟอกเงินมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อร่วมมือกับหน่วย FCU (Financial Crimes Unit) ที่ทำงานร่วมกับ Tron Network และ TRM Labs ซึ่งในช่วงหกเดือนแรกสามารถอายัด USDT มูลค่ารวม 126 ล้านดอลลาร์
หน่วย FCU มีเป้าหมายช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลกในการอายัดธุรกรรมต้องสงสัย โดยบทบาทนี้ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น หลังจากที่กลุ่ม Lazarus ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ลักลอบฟอกเงินจากคริปโตที่ถูกขโมยไปมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2020 ถึง 2023
โดยก่อนหน้านี้ Tether เคยอายัดเงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Lazarus กว่า 374,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2023 และจากการวิเคราะห์โดย ZachXBT พบว่าผู้ออกเหรียญ stablecoin อีก 3 ราย ได้ร่วมกันอายัดเงินเพิ่มอีก 3.4 ล้านดอลลาร์ในกระเป๋าที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนี้เช่นกัน

ที่มา: Cointelegraph