ปัจจุบันสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าวงการคริปโตเองต่างได้รับผลกระทบไปไม่น้อยเช่นกัน โดยล่าสุด บริษัท Nobitex กระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน ได้ถูกแฮ็กระบบบนเครือข่าย Tron ส่งผลให้แพลตฟอร์ตสูญเงินไปกว่า 48.65 ล้านดอลลาร์
ZachXBT นักสืบบล็อกเชนชื่อดัง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชน พบความเคลื่อนไหวของเงินจำนวนมากอย่างผิดปกติในกระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์ม Nobitex ซึ่งบ่งชี้ว่าระบบของแพลตฟอร์มดังกล่าว ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานและกระเป๋าเงินหลัก (Hot Wallet) อาจถูกเจาะโดยผู้ไม่หวังดี
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากการเปิดเผยของ ZachXBT ทาง Nobitex ก็ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการในวันนี้ โดยระบุว่า ตรวจพบการเข้าถึงระบบบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ดำเนินการระงับการให้บริการชั่วคราวทันที เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
แถลงการณ์ยังเน้นย้ำด้วยว่า เงินของผู้ใช้งานที่เก็บไว้ใน “cold wallet” ยังคงปลอดภัยและไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า บริษัทจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นที่จะชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งานทั้งหมด ผ่านทั้ง กองทุนประกันภัยของแพลตฟอร์ม และ ทรัพยากรภายในของ Nobitex เอง
ขณะเดียวกันกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า “Gonjeshke Darande” หรือ “Predatory Sparrow” ได้ออกมาแสดงตัวตนบนแพลตฟอร์ม X ว่าเป็นผู้แฮ็ก Nobitex พร้อมทั้งยังขู่ว่า “ภายใน 24 ชั่วโมง พวกเขาจะเปิดเผยซอร์สโค้ดของแพลตฟอร์ม รวมถึงข้อมูลภายในที่สำคัญจากเครือข่ายของ Nobitex และย้ำว่า สินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่ในระบบหลังจากนั้นจะตกอยู่ในความเสี่ยง”
จากลักษณะการโจมตีที่ซับซ้อนและมีการกำหนดเป้าหมายที่มั่นชัดเจน ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่ม Gonjeshke Darande อาจมีความเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองทางทหารของอิสราเอล โดยเฉพาะหน่วยไซเบอร์ระดับสูงอย่าง Unit 8200 หรือ Unit 81 แม้ว่าในขณะนี้ทางการอิสราเอลจะยังไม่มีถ้อยแถลงใด ๆ ต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว
หลังการแฮ็กระบบของ Nobitex กลุ่มแฮ็กเกอร์ยังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมบนแพลตฟอร์ม X เตือนถึง “การโจมตีครั้งใหม่ที่ใกล้จะเกิดขึ้น” พร้อมส่งสัญญาณถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรว่าอาจตกเป็นเป้าหมายในลำดับถัดไป
ในขณะนี้ ทีมงานของ Nobitex รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ในภูมิภาค ยังคงเร่งสอบสวนสาเหตุอย่างละเอียด พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกโอนออกไปจากแพลตฟอร์มอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น และป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอยในอนาคต
ที่มา : Beincrypto