จากการวิเคราะห์ด้วยโมเดล AI ของ ChatGPT รุ่น o3 ซึ่งประมวลผลข้อมูลจากตัวชี้วัดทางเทคนิค 42 รายการ ร่วมกับปัจจัยด้านกฎหมายและความเคลื่อนไหวของสถาบัน พบว่า XRP มีแนวโน้มแข็งแกร่งที่จะขยับขึ้นในระยะ 90 วันข้างหน้า หากสามารถฝ่าด่านแนวต้านสำคัญที่ $2.2253 ได้อย่างมั่นคง
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ได้ปรับเพิ่มโอกาสที่กองทุน ETF ของ XRP จะได้รับการอนุมัติภายในปี 2025 ขึ้นเป็น 95% ซึ่งเป็นระดับความเชื่อมั่นที่สูงเป็นประวัติการณ์ หลังจาก Ripple ชนะคดีความกับสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) และได้รับความชัดเจนทางกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย
ราคา XRP ล่าสุดอยู่ที่ $2.18 โดยเคลื่อนไหวในกรอบสะสมระหว่าง $2.10 – $2.22 โดยมีแรงหนุนจากค่าเฉลี่ย EMA 20 วัน และ 200 วัน ที่ระดับ $2.1777 และ $2.1026 ตามลำดับ ส่วนแนวต้านสำคัญคือ EMA 50 วัน ($2.2073) และ EMA 100 วัน ($2.2253) ซึ่งหากสามารถทะลุผ่านได้ จะถือเป็นสัญญาณกลับตัวทางเทคนิคที่ชัดเจน
ปริมาณการซื้อขายพุ่งกว่า 101% สู่ระดับ 4.5 พันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด สะท้อนการเข้าซื้อสะสมของนักลงทุนสถาบันอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์การอนุมัติ ETF และการเปิดใช้งาน sidechain EVM บนเครือข่าย XRPL เพื่อรองรับการใช้งาน Smart Contract ได้อย่างสมบูรณ์
Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple ยังออกมายืนยันด้วยว่า “แรงซื้อจากสถาบันได้เริ่มขึ้นแล้ว” และการพัฒนา RippleNet เพื่อเชื่อมโยงระบบการชำระเงินทั่วโลกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดเอเชียและยุโรป
จากข้อมูลบนแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง LunarCrush และ Santiment พบว่าความเชื่อมั่นต่อ XRP พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 17 วัน โดยมีการพูดถึงเชิงบวกสูงถึง 86% สะท้อนแรงสนับสนุนจากนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ทั่วโลก
แนวโน้มราคาช่วง 90 วันข้างหน้าแบ่งเป็น 3 กรณีหลัก:
- กรณีขาขึ้น (Bull Case – โอกาส 45%): หาก ETF ได้รับการอนุมัติ พร้อมปริมาณซื้อขายเกิน 80 ล้าน XRP ต่อวัน มีแนวโน้มราคาขึ้นไปแตะ $2.80–$3.20
- กรณีฐาน (Base Case – โอกาส 35%): ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ $2.10–$2.25 เพื่อรอความชัดเจนจากภาครัฐและรอแรงหนุนเพิ่มเติม
- กรณีขาลง (Bear Case – โอกาส 20%): หากมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบใหม่ อาจเห็นการปรับฐานลงมายัง $1.80–$2.00
โดยสรุป XRP ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ทั้งในด้านกฎหมาย ความร่วมมือกับสถาบันการเงิน และบทบาทในระบบชำระเงินระดับโลก โดยระดับราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2018 ถึง 43% จึงอาจเป็นจังหวะเข้าซื้อที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือระยะยาว
ที่มา : cryptonews