<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

วิธีใช้ Hardware Wallet ฉบับจับมือทำ เก็บคริปโตให้ปลอดภัยจากแฮ็กเกอร์

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่จริงจังกับความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลและกำลังมองหาวิธีเก็บ Crypto ให้ปลอดภัยที่สุด คำตอบเดียวก็คือ “Hardware Wallet” 

แต่หลายคนอาจยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว ซับซ้อน และไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร บทความนี้คือคู่มือที่จะเปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย โดยจะพาคุณไปทำความรู้จักและ “จับมือทำ” ทุกขั้นตอนการตั้งค่า Hardware Wallet ตั้งแต่การแกะกล่องไปจนถึงการใช้งานจริง โดยใช้ Trezor Safe 3 เป็นกรณีศึกษา ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Hardware Wallet ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น

ทำไม Hardware Wallet ถึงสำคัญสำหรับคนเล่นคริปโต

ก่อนจะเริ่มตั้งค่า เรามาทำความเข้าใจหัวใจสำคัญกันก่อน สิ่งที่ทำให้ Hardware Wallet เหนือกว่า Software Wallet ทั่วไปคือหลักการทำงานที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือ Private Key หรือกุญแจส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์และไม่เคยเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง

ซึ่งหมายความว่าต่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์หรือถูกแฮก เงินของคุณก็จะยังคงปลอดภัย เพราะการจะอนุมัติธุรกรรมใดๆ ได้นั้น ต้องมีการยืนยันผ่านการกดปุ่มบนตัวอุปกรณ์จริงเท่านั้น

เริ่มต้นกับ Trezor Safe 3 ตรวจสอบความปลอดภัยก่อนใช้งาน

เมื่อคุณได้รับอุปกรณ์มาแล้ว ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ถูกใครแตะต้องมาก่อน

  • สิ่งที่อยู่ในกล่อง โดยทั่วไปแล้ว ในกล่องของ Trezor Safe 3 จะประกอบด้วย ตัวอุปกรณ์ Trezor Safe 3, สาย USB-C, การ์ดสำหรับจด Recovery Seed 2 ใบ, คู่มือเริ่มต้น และสติกเกอร์
  • ตรวจสอบซีลกันการแกะ (Tamper-evident seal) ก่อนเสียบอุปกรณ์ ให้ตรวจดูว่าบรรจุภัณฑ์ไม่มีร่องรอยการฉีกขาดหรือเสียหาย และที่สำคัญคือสติกเกอร์โฮโลแกรมที่ปิดทับพอร์ต USB-C ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยการลอก หากมีสิ่งใดผิดปกติ ให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Trezor ทันที

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เปิดเครื่องได้เลย วิธีการเปิดเครื่องนั้นง่ายมาก เพียงลอกสติกเกอร์ที่ปิดพอร์ตอยู่ออกแล้วเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านสาย USB เครื่อง Trezor Safe 3 ก็จะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ 

เจาะลึก 11 วิธีตั้งค่า Trezor Safe 3 อย่างละเอียด

ขั้นตอนที่ 1 ดาวน์โหลดและติดตั้ง Trezor Suite 

เริ่มต้นด้วยการไปที่เว็บไซต์ทางการของ Trezor เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Trezor Suite ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักในการจัดการ Wallet ของคุณ

โดยแอปนี้รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Linux และยังสามารถใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้อีกด้วย เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้น ให้เปิดโปรแกรมขึ้นมา จากนั้นจึงเสียบสาย USB-C เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ Trezor Safe 3 ของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วทำตามคำแนะนำบนหน้าจอโดยคลิกที่ “Set up my Trezor”

ขั้นตอนที่ 2 ติดตั้งเฟิร์มแวร์ (Firmware)

อุปกรณ์ Trezor ที่ส่งตรงมาจากโรงงานอาจจะยังไม่ได้มีการติดตั้งเฟิร์มแวร์มาให้ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้เริ่มต้นจากอุปกรณ์ที่คลีนอย่างแท้จริง ไม่ต้องกังวลว่ามันจะแฝงมัลแวร์มา

ให้คุณคลิกที่ปุ่ม “Install Firmware” บนโปรแกรม Trezor Suite เพื่อเริ่มกระบวนการติดตั้งเฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปลอดภัยที่สุดลงบนอุปกรณ์ของคุณ

ขั้นตอนที่ 3 ยืนยันความแท้จริงของอุปกรณ์

หลังจากติดตั้งเฟิร์มแวร์เสร็จสิ้น ระบบจะนำคุณเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณเป็นของแท้และไม่ได้ถูกดัดแปลงใดๆ ให้คุณคลิก “Let’s check your device” ในแอป จากนั้นให้มองไปที่หน้าจอของอุปกรณ์ Trezor แล้วกดปุ่มขวาเพื่อยืนยันตัวตน หากทุกอย่างถูกต้อง บนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะปรากฏข้อความยืนยันว่าอุปกรณ์ของคุณผ่านการตรวจสอบแล้ว

ขั้นตอนที่ 4 เรียนรู้การใช้งานปุ่มเบื้องต้น 

ในขั้นตอนนี้ อุปกรณ์อาจมีการสอนการใช้งานปุ่มสองปุ่มบนตัวเครื่องแบบสั้นๆ ซึ่งเป็นการตั้งค่าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ขอให้คุณทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อทำความคุ้นเคยกับการใช้งาน

ขั้นตอนที่ 5 สร้าง Wallet ใหม่ 

คุณจะพบกับสองตัวเลือกหลักบนหน้าจอ คือ “Create new wallet” สำหรับการสร้างวอลเล็ตใหม่เอี่ยม และ “Recover wallet” สำหรับการกู้คืนวอลเล็ตเดิมโดยใช้ Seed Phrase ในกรณีนี้ ให้คุณเลือก “Create new wallet”

ขั้นตอนที่ 6 เลือกวิธีการสำรองข้อมูล (Backup) 

ระบบจะให้คุณเลือกวิธีการสำรองข้อมูลระหว่าง “Standard seed backup” และ “Shamir backup”

  • Standard seed backup เป็นวิธีมาตรฐานที่ง่ายและนิยมใช้กันมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่
  • Shamir backup เป็นวิธีขั้นสูงที่จะแบ่ง Seed Phrase ของคุณออกเป็นหลายๆ ส่วนแยกจากกัน

สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เลือกวิธี Standard seed backup

ขั้นตอนที่ 7 ยืนยันการสร้าง Wallet บนอุปกรณ์ 

ใช้ปุ่มบนตัวเครื่อง Trezor เพื่อยืนยันวิธีการสำรองข้อมูลที่คุณเลือก และกดยอมรับเงื่อนไขการใช้งานต่างๆ จากนั้นกด “Create wallet” เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดต่อไป

ขั้นตอนที่ 8 จดบันทึก Recovery Seed (Seed Phrase) 

นี่คือหัวใจของความปลอดภัยในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ อุปกรณ์จะสุ่มสร้างชุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษจำนวน 12, 20 หรือ 24 คำขึ้นมาบนหน้าจอ

Trezor จะย้ำเตือนว่า ห้ามถ่ายรูป, ห้ามคัดลอก, หรือบันทึก Seed Phrase นี้ในรูปแบบดิจิทัลใด ๆ ทั้งสิ้น

ให้ใช้ปากกาจดชุดคำศัพท์ทั้งหมดตามลำดับอย่างถูกต้องลงบนการ์ดกระดาษ (Recovery Seed Card) ที่ให้มาในกล่อง เพราะนี่คือกุญแจเพียงชิ้นเดียวที่จะใช้กู้คืนวอลเล็ตของคุณได้หากอุปกรณ์ Hardware Wallet หายหรือพัง

ขั้นตอนที่ 9 ตรวจสอบความถูกต้องของ Seed Phrase

เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้จดบันทึก Seed Phrase ไว้อย่างถูกต้อง ระบบจะทำการทดสอบคุณโดยการสุ่มถามคำศัพท์บางคำจากลิสต์ของคุณ เช่น “คำที่ 5 คือคำว่าอะไร?” ให้คุณเลือกคำตอบที่ถูกต้องโดยใช้ปุ่มบนตัวอุปกรณ์ Trezor เมื่อคุณยืนยันถูกต้องครบถ้วนแล้ว การสำรองข้อมูลก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ขั้นตอนที่ 10 ตั้งรหัส PIN 

เมื่อการสำรองข้อมูลเสร็จสิ้น ให้คุณคลิก “Set PIN” ในแอป Trezor Suite ความพิเศษของ Trezor คือหน้าจอของอุปกรณ์จะแสดงตารางตัวเลขในตำแหน่งที่สุ่มขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง จากนั้นคุณจะต้องมองที่หน้าจออุปกรณ์แล้วใช้เมาส์คลิกตัวเลขบนคอมพิวเตอร์ให้ตรงกับตำแหน่งที่คุณต้องการ PIN นี้สามารถตั้งได้ยาวสูงสุดถึง 50 หลัก ควรตั้งรหัสที่คาดเดายากแต่คุณสามารถจดจำได้ หากลืม PIN คุณจำเป็นต้องล้างข้อมูลทั้งหมดในเครื่องแล้วใช้ Seed Phrase เพื่อกู้คืนวอลเล็ตเท่านั้น

ขั้นตอนที่ 11 เปิดใช้งานเหรียญและเข้าสู่หน้าจัดการ 

ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ ระบบจะให้คุณเลือกเปิดใช้งานเหรียญที่คุณต้องการจะเก็บ เช่น Bitcoin, Ethereum และอื่นๆ หลังจากเลือกเรียบร้อยแล้ว ให้กด “Complete Setup” คุณอาจจะตั้งชื่อเล่นให้อุปกรณ์ของคุณหรือปรับแต่งหน้าจอหลักก็ได้ จากนั้นกด “Access Suite” เพื่อเข้าสู่หน้า Dashboard ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณอย่างปลอดภัย

วิธีรับ-ส่ง Crypto ด้วย Hardware Wallet อย่างปลอดภัย

เมื่อคุณตั้งค่า “ป้อมปราการ” ของคุณเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างการรับและส่งสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งหัวใจสำคัญของทุกขั้นตอนยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ “เชื่อในสิ่งที่เห็นบนหน้าจอของอุปกรณ์ Hardware Wallet เท่านั้น”

การรับเหรียญ

การรับเหรียญคือขั้นตอนแรกในการนำสินทรัพย์ของคุณเข้ามาเก็บในที่ที่ปลอดภัยที่สุด มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  1. เปิดบัญชีที่ถูกต้อง ในแอปพลิเคชัน Trezor Suite ให้เลือกบัญชีของสกุลเงินที่คุณต้องการรับ (เช่น Bitcoin #1 หรือ Ethereum #1) จากนั้นคลิกที่แท็บ “Receive” เพื่อสร้างที่อยู่ (Address) สำหรับรับเหรียญ
  2. แสดงและยืนยัน address กดปุ่ม “Show full address” ในแอปพลิเคชัน address แบบเต็มจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอของอุปกรณ์ Trezor ของคุณ
    • คำเตือน คุณต้องเปรียบเทียบและยืนยันเสมอว่า address ที่แสดงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และบนหน้าจอของอุปกรณ์ Trezor นั้น ตรงกันทุกตัวอักษร นี่คือขั้นตอนที่จะปกป้องคุณจากมัลแวร์บนคอมพิวเตอร์ที่อาจแอบสับเปลี่ยน address ของคุณได้
  3. ใช้งาน address เมื่อยืนยันว่าถูกต้องแล้ว คุณสามารถคัดลอก address นั้นหรือใช้ QR Code เพื่อรับโอนคริปโตได้เลย หลังจากนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเสียบอุปกรณ์ Trezor ทิ้งไว้ เมื่อมีการโอนเงินเข้ามายังที่อยู่นี้ ธุรกรรมจะถูกบันทึกบนบล็อกเชน และยอดเงินของคุณจะอัปเดตในครั้งถัดไปที่คุณเชื่อมต่อ Wallet

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการรับเหรียญ

  • ยืนยัน Address บนอุปกรณ์ทุกครั้ง ไม่ใช่แค่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
  • เพื่อความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้น ควรใช้ address ใหม่ทุกครั้งในการรับธุรกรรม (Trezor Suite รองรับฟังก์ชันนี้)
  • หาก address บนแอปและบนอุปกรณ์ไม่ตรงกัน ให้หยุดทำธุรกรรมทันที

การโอนเหรียญ

จุดเด่นที่สุดของการส่งคริปโตผ่าน Hardware Wallet คือ Private Key ของคุณจะยังคงปลอดภัยอยู่ข้างในอุปกรณ์ตลอดเวลา แม้ในขณะที่ทำธุรกรรม โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. เลือกบัญชีที่จะส่ง ใน Trezor Suite ไปยังบัญชีที่คุณต้องการจะส่งสินทรัพย์ออก จากนั้นคลิกที่ปุ่ม “Send”
  2. กรอกรายละเอียดธุรกรรม ใส่ Wallet address ของผู้รับและจำนวนเงินที่ต้องการส่ง คุณควรตรวจสอบความถูกต้องของ address ผู้รับซ้ำอีกครั้งเพื่อป้องกันความผิดพลาด
  3. เลือกค่าธรรมเนียม (Fee) สำหรับ Bitcoin คุณสามารถเลือกระดับค่าธรรมเนียมได้ทั้งแบบ ต่ำ, มาตรฐาน หรือสูง ส่วน Ether หรือเหรียญตระกูล ERC-20 แอป Trezor Suite จะทำการประเมินค่า Gas ให้โดยอัตโนมัติ
  4. ยืนยันบนอุปกรณ์ (ขั้นตอนสำคัญ) หลังจากกด “Review & Send” บนแอป รายละเอียดทั้งหมดของธุรกรรม (address ปลายทาง, จำนวนเงิน, ค่าธรรมเนียม) จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอของ Trezor ให้อนุมัติธุรกรรมก็ต่อเมื่อข้อมูลทั้งหมดที่แสดงบนจออุปกรณ์นั้นถูกต้อง 100% เท่านั้น นี่คือ ปราการด่านสุดท้ายที่จะป้องกันคุณจากมัลแวร์ประเภทสับเปลี่ยนที่อยู่ (Clipboard Malware)
  5. เสร็จสิ้น! ธุรกรรมถูกส่งออกไปแล้ว เมื่อคุณกดยืนยันบนอุปกรณ์ ธุรกรรมของคุณจะถูกส่งออกไป on-chain โดยที่ Private Key ไม่ได้ถูกเปิดเผยสู่โลกภายนอกเลยแม้แต่น้อย

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการส่งเหรียญ

  • หากอุปกรณ์ Trezor ของคุณแสดงคำขอให้ยืนยัน  smart contract ที่คุณไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น ให้กดยกเลิกทันที
  • สำหรับการโอนเหรียญประเภท Token ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมี ETH เพียงพอในบัญชีสำหรับจ่ายเป็นค่า Gas

3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเชื่อมต่อ Trezor กับ MetaMask

  1. เริ่มต้นจาก MetaMask เปิดส่วนขยาย (Extension) ของ MetaMask บนเบราว์เซอร์ของคุณ คลิกที่ไอคอนบัญชีมุมขวาบน จากนั้นเลือกเมนู “Connect Hardware Wallet” และเมื่อมีตัวเลือกปรากฏขึ้น ให้เลือก “Trezor”
  2. เสียบอุปกรณ์ Trezor ของคุณ หากยังไม่ได้เชื่อมต่อ ให้เสียบอุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์ ในบางครั้ง MetaMask อาจแจ้งให้คุณติดตั้ง Trezor Bridge ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เป็นสะพานสื่อสารระหว่างเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ของคุณ จากนั้นระบบจะขออนุญาตอ่าน Public Key จาก Hardware Wallet ของคุณ ซึ่งขั้นตอนนี้ปลอดภัยและไม่มีการเปิดเผย Private Key ใดๆ ทั้งสิ้น
  3. เลือก Address ที่จะใช้งาน MetaMask จะแสดงรายการที่อยู่ทั้งหมดที่ผูกอยู่กับ Trezor ของคุณ ให้คุณเลือกที่อยู่ที่ต้องการ (เช่น Ethereum #1) แล้วคลิก “Unlock” เพียงเท่านี้ บัญชีจาก Trezor ของคุณก็จะปรากฏขึ้นในลิสต์ของ MetaMask โดยมีเครื่องหมายกำกับไว้ว่าเป็น Hardware Wallet

โดยสรุปแล้ว เหตุผลหลักที่ทำให้ Hardware Wallet ปลอดภัยกว่า Software Wallet ทั่วไปอย่างเทียบกันไม่ได้ อยู่ที่หลักการพื้นฐานเพียงข้อเดียว นั่นคือ Private Key หรือกุญแจส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บรักษาไว้ในโลกออฟไลน์โดยสมบูรณ์ 

ในขณะที่ Software Wallet ต้องทำงานบนคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากมัลแวร์ได้ แต่ Hardware Wallet จะแยก Private Key ของคุณออกมาเก็บไว้ในอุปกรณ์ชิปที่ปลอดภัยและไม่เคยสัมผัสกับอินเทอร์เน็ตเลย ดังนั้น ทุกครั้งที่คุณต้องการจะทำธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเหรียญหรือใช้งาน DApp คุณจำเป็นต้องใช้มือกดปุ่มบนตัวอุปกรณ์เพื่อยืนยันคำสั่งด้วยตัวเอง 

นี่คือปราการด่านสุดท้ายที่แม้แฮกเกอร์จะเจาะเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของคุณได้ ก็ไม่สามารถขโมยเงินของคุณไปได้หากไม่ได้รับการอนุมัติทางกายภาพจากอุปกรณ์ในมือคุณ ทำให้ Hardware Wallet มอบความปลอดภัยและการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง

ที่มา: cointelegraph