<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

SharpLink เดินหน้าช้อน Ethereum เพิ่มกว่า 64 ล้านดอลลาร์! ดันหุ้นขึ้น 64% 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

SharpLink Gaming, Inc. (Nasdaq: SBET) ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่นำ Ethereum มาใช้เป็นสินทรัพย์หลักในคลังของบริษัท ได้ประกาศเข้าซื้อ Ethereum เพิ่มเติมอีก 7,689 ETH ทำให้ยอดการถือครองทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 205,634 ETH ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัท (SBET) พุ่งขึ้นเกือบ 26% ในรอบวันที่ผ่านมา และทะยานขึ้นถึง 63.88% ในช่วง 5 วันล่าสุด มาอยู่ที่ราคา 16.29 ดอลลาร์สหรัฐ

แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า การเข้าซื้อ ETH ครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม 2568 โดยมีราคาเฉลี่ยซื้ออยู่ที่ 2,501 ดอลลาร์สหรัฐต่อ ETH

SharpLink ได้ใช้เงินประมาณ 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้จากการระดมทุนผ่านช่องทาง At-The-Market (ATM) เพื่อซื้อ ETH ในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีเงินทุนอีกประมาณ 37.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ระดมทุนได้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการซื้อ ETH และคาดว่าจะนำไปใช้ในการซื้อเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้

เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด SharpLink ยังได้นำ ETH ที่ถือครองทั้งหมด 100% ไปเข้าร่วมในโปรโตคอล Staking และ Restaking ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้จากผลตอบแทน (yield) อย่างมหาศาล โดยในช่วงวันที่ 28 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการ Staking ประมาณ 100 ETH และนับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนเป็นต้นมา บริษัทได้รับผลตอบแทนรวมแล้ว 322 ETH วิธีการนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัท แต่ยังเป็นการสนับสนุนกลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake ของเครือข่าย Ethereum อีกด้วย

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและช่วยให้นักลงทุนประเมินสถานะการถือครอง ETH ของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น SharpLink ได้เปิดตัวตัวชี้วัดใหม่ที่ชื่อว่า

“ETH Concentration” ซึ่งคำนวณจากการนำจำนวน ETH ทั้งหมดที่ถือครองมาหารด้วยจำนวนหุ้นปรับลดสมมติฐาน (Assumed Diluted Shares Outstanding) 1,000 หุ้น นับตั้งแต่การประกาศเข้าซื้อครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค่า ETH Concentration ของบริษัทได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2.00 ETH มาอยู่ที่ 2.37 ETH หรือเพิ่มขึ้น 19% ภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์

นายโจเซฟ ลูบิน ประธานบริษัท SharpLink ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และซีอีโอของ Consensys กล่าวว่า “ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเราเป็นผลโดยตรงมาจากการดำเนินงานอย่างมีวินัยตามกลยุทธ์การบริหารคลังที่เน้น ETH เป็นศูนย์กลาง และความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความโปร่งใสในการดำเนินงาน” เขายังเสริมอีกว่า “ด้วยการปรับปรุงกลยุทธ์ของเราอย่างต่อเนื่องและนำตัวชี้วัดความโปร่งใสใหม่ๆ มาใช้ เราไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบในตลาดทุนปัจจุบัน”

ที่มา: blockhead