ราคาของ Bitcoin ยังคงเดินหน้าอย่างร้อนแรง โดยล่าสุดเช้าวันนี้ (11 กรกฎาคม 2025) ได้พุ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 113,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังตลาดซบเซามาหลายเดือน นักเทรดไทยเริ่มทยอยกลับเข้าสู่ตลาด ขณะที่กลุ่ม Telegram และ Discord คริปโตชื่อดังของไทยเริ่มกลับมาคึกคักเต็มรูปแบบ
ข้อมูลจาก TradingView แสดงให้เห็นว่า Bitcoin พุ่งขึ้นกว่า +3.8% ภายในเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีราคาสูงสุดแตะที่ $113,359 และต่ำสุดที่ $109,105 ส่งสัญญาณเชิงบวกอย่างชัดเจนในกราฟรายวัน พร้อมด้วย Volume ที่หนาแน่นและแรงซื้อจากฝั่งตลาดสหรัฐฯ ซึ่งกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ

นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่าหากราคาทะลุระดับ $114,000 ได้อย่างมั่นคง มีโอกาสสูงที่ Bitcoin จะเดินหน้าสู่เป้าหมายใหม่บริเวณ $125,000–$146,000 ในระยะกลาง โดยเฉพาะเมื่อแรงซื้อจากสถาบันและกองทุน ETF ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน
🔍 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาพุ่ง
1. เงินไหลเข้า ETF ไม่หยุด – สถาบันแห่ซื้อ BTC แบบจัดเต็ม
หนึ่งในปัจจัยหลักที่หนุนราคาครั้งนี้คือ “กระแสเงินจาก ETF Spot Bitcoin ในสหรัฐฯ” ที่ยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนใหญ่เช่น BlackRock, Fidelity และ Ark Invest ที่มีการซื้อ BTC เพิ่มเกือบทุกวัน ข้อมูลล่าสุดระบุว่ามีเงินไหลเข้าสะสมแล้วกว่า $50,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี 2025
2. บริษัทใหญ่ทยอยสะสม – สร้างแรงจูงใจต่อเนื่อง
บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเริ่มหันมาถือครอง Bitcoin ในฐานะทรัพย์สินสำรอง ไม่ใช่แค่ MicroStrategy หรือ Tesla เท่านั้น ล่าสุด Metaplanet จากญี่ปุ่นได้สะสม BTC ไปแล้วกว่า 15,000 เหรียญ และยังมีรายงานว่า GameStop, Square และบริษัทเทคฯ เล็ก-กลางในสหรัฐฯ ก็เริ่มกระโดดเข้าร่วมวง
3. ดอลลาร์อ่อน + Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เริ่มส่งสัญญาณว่าอาจลดดอกเบี้ยในไตรมาสหน้า ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง นักลงทุนจึงหันมาถือครองสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin มากขึ้น โดยมองว่า BTC คือ “ทองคำดิจิทัล” ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ
แม้ว่าราคานั้นจะพุ่งขึ้นมาอย่างมากในช่วงสัปดาห์นี้ แต่นักเทรดนั้นก็ไม่ควรที่จะประมาท

