เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT และ Grok กำลังเข้ามาพลิกโฉมวิธีการเทรดคริปโตของนักเทรดรายวันอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสามารถในการจับกระแสความรู้สึก ของตลาดแบบเรียลไทม์ และเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็นแผนการเทรดที่มีโครงสร้างชัดเจน ทำให้กฎเกณฑ์ของการเทรดรายวันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากสิ่งที่เคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนนี้นักเทรดสามารถทำได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ด้วยพลังของ AI
ในบทความนี้ ทางสยามบล็อกเชน จะพาไปดูวิธีการเทรดคริปโตรายวัน โดยใช้เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT และ Grok เข้ามาช่วยวิเคราะห์แนวโน้มในการเทรดว่ามีวิธีการใช้งานอย่างไรบ้าง
เทรดรายวัน (Day Trading) ในโลกคริปโตคืออะไร ?
การเทรดรายวันในคริปโต หมายถึง การเข้าและออกจากการเทรด ภายในวันเดียวกัน หรือแม้แต่เทรดในไม่กี่นาที เพื่อเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว เป็นกลยุทธ์ที่เน้นความเร็ว ปริมาณ และโมเมนตัมของราคา มากกว่าการถือเหรียญคริปโตในระยะยาว
โดยทั่วไป นักเทรดจะดูกราฟ 5 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อตรวจจับรูปแบบที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น การ Breakout และใช้เครื่องมืออย่าง RSI, MACD หรือปริมาณการซื้อขายที่พุ่งขึ้นเป็นสัญญาณยืนยัน
โครงสร้างในการเทรด มักประกอบด้วย
- จุดเข้า: เหนือแนวต้าน หรือเหนือจุด Breakout เล็กน้อย
- จุดตัดขาดทุน : ใต้แนวรับล่าสุด
- จุดทำกำไร: อิงจากโซนแนวต้าน เป้าหมาย Fibonacci หรืออัตราส่วนกำไรต่อความเสี่ยง เช่น 2:1 หรือ 3:1
การเทรดรายวันในคริปโต จะพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างละเอียด พร้อมวินัยในการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
ทำไมการเทรดรายวันในคริปโต ถึงแตกต่างจากตลาดการเงินแบบอื่น
ตลาดคริปโตขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนสูง และเปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวของราคามักได้รับอิทธิพลอย่างมากจากกระแสบนโซเชียลมีเดีย
นี่คือจุดที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการช่วยนักลงทุนตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น Grok สามารถช่วยจับสัญญาณ “ความรู้สึก” (sentiment) จากโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ ChatGPT ก็สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยวางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา กิจกรรม DeFi บนเครือข่าย Solana พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จน Total Value Locked (TVL) ทะลุ 9 พันล้านดอลลาร์
นักเทรดที่ใช้เครื่องมือ AI อย่าง Grok สามารถ จับแนวโน้มนี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในขณะที่ ใช้ ChatGPT เข้ามาช่วย วางแผนการเข้าและออกจากการเทรดได้อย่างเป็นระบบ รวมถึงกำหนดจุดตัดขาดทุน (stop-loss) และจุดทำกำไร (take-profit) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีค้นหาโอกาสเทรดคริปโตแบบรายวัน ด้วย Grok
1. ติดตามกระแสบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เพื่อหากระแสเหรียญคริปโตที่กำลังเป็นที่นิยม
Grok สามารถสแกนโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X เพื่อ จับสัญญาณความเคลื่อนไหวของตลาดได้แบบเรียลไทม์ โดยจะวิเคราะห์ จำนวนการพูดถึงเหรียญคริปโตต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงของ “ความรู้สึก” (sentiment) โดยรวม
ยกตัวอย่างเช่น หากเหรียญอย่าง $WIF ถูกพูดถึงเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า Grok ก็อาจบ่งชี้ได้ถึง โอกาสที่ราคาเหรียญนั้นจะพุ่งแรง ในไม่ช้า
ผู้ที่ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน
แบบฟรี : ใช้ได้ 10 ข้อความ/2 ชั่วโมง, วิเคราะห์รูปภาพได้ 3 ครั้ง/วัน เหมาะสำหรับการตรวจสอบโทเค็นวันละครั้งหรือสองครั้ง แต่อาจพลาดกระแสที่เคลื่อนไหวเร็ว
แบบชำระเงิน:
X Premium: ($8/เดือน, $84/ปี)
Premium+: ($16/เดือน, $168/ปี)
SuperGrok: (ดูราคาได้ที่ https://x.ai/grok)
การสมัครแบบชำระเงิน ช่วยให้สามารถสืบค้นข้อมูลได้บ่อยครั้ง Premium+ Think mode ช่วยปรับปรุงการวิเคราะห์ความรู้สึกให้ละเอียดยิ่งขึ้น
ตัวอย่างข้อความ (Prompt):
“X มีความรู้สึกอย่างไรกับเหรียญ Pi coin?”

Grok รายงานว่า มีความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับ Pi Coin บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X โดยกลุ่มที่มองบวก เห็นศักยภาพที่ราคาอาจพุ่งสูงถึง $1–$1.25 ซึ่งได้แรงหนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่งและการสนับสนุนจาก Chainlink
ในทางกลับกัน กลุ่มที่มองลบ กลับเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ราคาจะลดลงไปอยู่ที่ $0.40 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการปลดล็อกเหรียญ (unlocks), การรวมศูนย์ (centralization), และประเด็นเกี่ยวกับการยืนยันตัวตน (KYC issues)
2. ตรวจสอบอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคแบบเรียลไทม์
คุณสามารถใช้ Grok.com เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญสำหรับการตัดสินใจเทรดได้อย่างรวดเร็ว เช่น การขอข้อมูล RSI (Relative Strength Index หรือ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์) เพื่อประเมินโมเมนตัมของเหรียญต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น หาก Bitcoin มีค่า RSI อยู่ที่ 62 ก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึง แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ได้
ผู้ที่ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน
แบบฟรี : ใช้ได้ 10 ข้อความ/2 ชั่วโมง, จำกัดการตรวจสอบตัวชี้วัด 1-2 ครั้งต่อวัน เหมาะสำหรับนักเทรดแบบ swing traders
แบบชำระเงิน: โควต้าที่สูงขึ้น ช่วยให้ตรวจสอบข้อมูลได้หลายครั้ง (เช่น BTC, ETH รายชั่วโมง) Premium+ DeepSearch ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ทางเทคนิค (TA) บนเว็บ
ตัวอย่างข้อความ (Prompt) : “ค่า RSI ของ Bitcoin ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 คือเท่าไหร่? โปรดตอบสั้นๆ พร้อมให้เหตุผลประกอบ”
ตามรายงานของ Grok ระบุว่า ค่า RSI ของ Bitcoin อยู่ที่ 54 ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 โดยใช้กรอบเวลา 14 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึง โมเมนตัมที่เป็นกลาง (ดูภาพด้านล่าง)

3. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเหรียญ (ป้องกันการถูก Rug หรือถูกหลอก)
Grok ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากทั้งเว็บไซต์และ ความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วย แจ้งเตือนนักลงทุนถึงสัญญาณปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับเหรียญคริปโตต่างๆ เช่น หากมีการพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับการ ควบคุมโดยคนวงใน (insider control), ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับสัญญา smart contract , หรือ ประวัติการถูกแฮ็ก Grok จะสามารถจับสัญญาณเหล่านี้ เพื่อให้นักลงทุนระมัดระวังได้ทันท่วงที
ผู้ที่ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน
แบบฟรี : มีข้อจำกัดในการสืบค้นข้อมูลอาจทำให้การตรวจสอบโทเค็นหลายรายการช้าลง
แบบชำระเงิน: โควต้าที่สูงขึ้น ช่วยให้สามารถตรวจสอบโทเค็นหลายรายการได้ หรือทำการวิเคราะห์เชิงลึกยิ่งขึ้น (เช่น “ตรวจสอบสัญญาของ $GROK เพื่อหาข้อบ่งชี้ที่เป็นอันตราย”)
ตัวอย่างข้อความ (Prompt): “Bittensor (TAO) เป็นโทเค็นหลอกลวงหรือไม่?”
Grok รายงานว่า มีความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับ Bittensor (TAO) บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X โดยกลุ่มที่มองบวกเห็นศักยภาพที่ราคาอาจพุ่งสูงถึง $1,000–$10,000 ภายในปี 2030 สำหรับตลาด AI ของ Bittensor
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มองลบกลับชี้ให้เห็นถึงความกังวล ในเรื่องการรวมศูนย์ , การควบคุมโทเค็นโดยบุคคลภายใน, เหตุการณ์การถูกแฮก, และประเด็นด้านธรรมาภิบาล ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้สนใจพึงระมัดระวัง

ข้อมูลเชิงลึกสำหรับการเทรดรายวัน จากกรณีการใช้งาน Grok
- เทรนด์โซเชียลมีเดีย มักนำหน้าการเคลื่อนไหวของราคา: การติดตามการกล่าวถึงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X สามารถช่วยให้ ระบุโมเมนตัมเริ่มต้นของโทเค็นได้
- กระแสในโซเชียลมีเดียเป็นสัญญาณที่นำมาใช้ประโยชน์ได้จริง : โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเทรดเหรียญมีม แต่ควรใช้ควบคู่กับตัวชี้วัดอื่น ๆ
- RSI และเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ : เมื่อนำความรู้สึกของตลาดมารวมกับตัวชี้วัดแบบเรียลไทม์ จะช่วยให้คุณจับจังหวะและวางแผนการเทรดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
- Grok สามารถแสดงความรู้สึกที่หลากหลาย: ช่วยให้นักเทรดมองเห็นทั้งศักยภาพขาขึ้น และความเสี่ยงขาลง (เช่น Pi Coin หรือ TAO)
- การตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ: ทั้งคุณสมบัติการตรวจจับการหลอกลวงของ Grok ที่จะแจ้งเตือนความเสี่ยง เช่น การรวมศูนย์, การปลดล็อกเหรียญ, หรือปัญหาด้านธรรมาภิบาล
- ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดรายวันที่ตลาดมีความผันผวนสูง และเคลื่อนไหวรวดเร็ว
- ข้อความ (prompt) ที่มีโครงสร้าง ช่วยปรับปรุงแผนการเทรด: Grok สามารถช่วยในการกำหนดกลยุทธ์การเข้า, การตั้งจุดตัดขาดทุน, และการออกจากตลาดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดการใช้งานของ Grok ที่ต้องรู้
- แพ็คเกจฟรีมีจำกัดในการใช้งาน
- การวิเคราะห์ Sentiment อาจคลาดเคลื่อนในช่วงที่ตลาดผันผวน
- ไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบเทรดโดยตรง เป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์
- ถ้าตั้งคำถามไม่ดี ก็จะได้คำตอบไม่ดี
- ข้อมูลอาจไม่อัปเดตเร็วพอ ในตลาดที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
- เหรียญใหม่ ๆ หรือ obscure token อาจไม่มีข้อมูลเพียงพอให้วิเคราะห์ได้ดี
วิธีการใช้ ChatGPT เพื่อจัดโครงสร้างแผนการเทรด
หลังจากได้สัญญาณจาก Grok แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นแผนการเทรดที่ชัดเจน ซึ่ง ChatGPT ช่วยได้ดีมาก ในการวางโครงสร้าง เช่น จุดเข้า จุดตัดขาดทุน และเป้าหมายการทำกำไร
ตัวอย่าง 1: เล่นตามแนวโน้มขาขึ้นอย่างระมัดระวัง
ถ้า Grok แจ้งว่า TAO มี Sentiment เชิงบวกจากฐานผู้ใช้งาน และการเติบโตในอนาคต
สามารถถาม ChatGPT ว่า “ตามความรู้สึกเชิงบวกต่อ TAO ตอนนี้ มีสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นแบบไหนที่ยืนยันว่า เข้าเทรดรายวันได้บ้าง?”

ตัวอย่าง 2: เทรดสวน แนวโน้มตามความเสี่ยง
หาก Grok แจ้งว่า TAO มีปัญหาเรื่องศูนย์กลาง, การควบคุมเหรียญ, และเคยโดนแฮ็ก
สามารถถาม ChatGPT ว่า “ถ้าอยาก Short TAO ตามความเสี่ยงเหล่านี้ ควรหาจังหวะเข้ายังไงให้ปลอดภัยในวันนี้?”

ข้อจำกัดของ AI ในการเทรด
แม้ว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของนักเทรด ไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ใช่ “ลูกแก้ววิเศษ” ที่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ซึ่ง AI อย่าง Grok และ ChatGPT มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูล สรุปประเด็นสำคัญ และช่วยวางแผนได้อย่างรวดเร็วกว่ามนุษย์มาก อย่างไรก็ตาม “เร็ว” ไม่ได้หมายความว่า “แม่นยำ” เสมอไป
ความจริงก็คือ AI จะดีได้ แค่ข้อมูลที่มันได้รับและจากคนที่ใช้งานมัน เท่านั้น
Grok อาจเก่งในการตรวจจับกระแสความนิยม แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่ากระแสนั้นเกิดจาก FOMO (กลัวตกรถ) หรือเป็นเพียงเทรนด์ปลอมๆ ส่วน ChatGPT แม้จะช่วยวางแผนการเทรดได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่สามารถทำการซื้อขายหรือควบคุมอารมณ์ของคุณในตลาดจริงได้เลย
AI ไร้อารมณ์ จึงไม่รู้จักความโลภหรือความกลัว ซึ่งแม้จะเป็นข้อดี แต่ก็เป็นข้อเสียในเวลาเดียวกัน เพราะมันไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ที่ซับซ้อนในตลาดได้เหมือนมนุษย์ที่มีประสบการณ์จริง
ที่มา : cointelegraph

