พรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เปิดเผยร่างกฎหมายฉบับใหม่สำหรับวางโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าพวกเขากำลังพยายามที่จะต่อยอดและผนึกกำลังกับร่างกฎหมายที่เพิ่งผ่านการอนุมัติในสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน 4 ราย ซึ่งรวมถึงนาย Tim Scott ประธานคณะกรรมาธิการการธนาคาร และนาง Cynthia Lummis ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ร่วมกันเผยแพร่ร่างกฎหมายฉบับอภิปราย (discussion draft) ที่มีชื่อว่า Responsible Financial Innovation Act โดยระบุว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ “ต่อยอดมาจาก” กฎหมาย Digital Asset Market Clarity (CLARITY) Act ที่เพิ่งผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม “เพื่อนร่วมงานของผมทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการสร้างกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล” นาย Scott กล่าว
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างกฎหมายคริปโตถึง 3 ฉบับด้วยการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค แต่มีเพียงกฎหมาย Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins (GENIUS) Act เท่านั้นที่ผ่านการอนุมัติจากทั้งสองสภาและถูกลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยนาย Scott และนาง Lummis ได้เคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมิถุนายนว่าพวกเขามีแผนที่จะผลักดันให้ร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดฉบับนี้ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาให้ได้ก่อนเดือนตุลาคม
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด ทั้งร่างกฎหมายของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรต่างก็มีข้อเสนอให้แก้ไขข้อกำหนดการเปิดเผยข้อมูลภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งเป็นการยอมรับว่ากฎหมายที่มีอยู่นั้นไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กำกับดูแลเครื่องมือทางการเงินสมัยใหม่อย่างสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะที่ร่างกฎหมายของวุฒิสภายังได้รวมถึงการแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลของ “สินทรัพย์เสริม” (ancillary assets) ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะได้รับการสนับสนุนเพียงพอที่จะผ่านการอนุมัติในวุฒิสภาได้หรือไม่ เนื่องจากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากเหนือเดโมแครตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่ากฎหมาย CLARITY Act จะเคยผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาได้ด้วยเสียงสนับสนุนจากเดโมแครตกว่า 70 เสียง แต่การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำใดๆ ในร่างกฎหมายก็อาจจุดชนวนให้เกิดการโต้เถียงหรือการต่อต้านขึ้นมาใหม่ได้ในสภาวะที่การเมืองกำลังร้อนระอุ
ที่มา: cointelegraph

