รายงานฉบับใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้เปิดเผยถึงอุปสรรคที่สำคัญที่สุดที่ขัดขวางการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในหมู่ผู้บริโภคชาวอเมริกัน นั่นคือ “การขาดข้อมูลและความเข้าใจ” ซึ่งอาจเป็นรากของปัญหาที่ใหญ่กว่าที่หลายคนคาดคิด
ผลการศึกษาซึ่งจัดทำขึ้นโดย National Cryptocurrency Association (NCA) จากการสำรวจผู้ที่ยังไม่ได้ถือครองคริปโตจำนวน 2,000 คน พบว่าเกือบ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะพิจารณาใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าพวกเขา “ขาดความเข้าใจว่าคริปโตทำงานอย่างไร” ขณะที่อีกหลายคนแสดงความกังวลอย่างมากในประเด็นด้านความปลอดภัย, การฉ้อโกง และความน่าเชื่อถือของบุคคลที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบว่า 34% ของผู้เข้าร่วมยังคงเปิดใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติม
“ความอยากรู้อยากเห็นนั้นสูง แต่ความเชื่อมั่นยังต่ำ” รายงานของ NCA สรุป “ผู้ที่ยังไม่ได้ถือคริปโตจำนวนมากเปิดใจที่จะเรียนรู้และแม้กระทั่งลงมือทำ แต่กลับรู้สึกว่าถูกรั้งไว้ด้วยความสับสน, ความสงสัย และการขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือ”

NCA ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีนาย Stuart Alderoty ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Ripple Labs เป็นผู้นำ โดยองค์กรได้รับการสนับสนุนเงินทุน 50 ล้านดอลลาร์จาก Ripple และมีเป้าหมายเพื่อ “ช่วยให้ชาวอเมริกันเข้าใจคริปโต” ผ่านการแบ่งปันเรื่องราวการใช้งานจริง การที่ Ripple ซึ่งเป็นบริษัทคริปโตยักษ์ใหญ่เข้ามามีบทบาทในการให้ความรู้แก่สาธารณชนนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ผู้บริหารของบริษัทเองก็ได้เพิ่มบทบาททางการเมืองในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างต่อเนื่อง โดยนาย Alderoty และผู้บริหารของ Ripple อีกสองคนก็ได้เข้าร่วมงานที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเป็นสักขีพยานในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในกฎหมาย Stablecoin ขณะที่ซีอีโออย่างนาย Brad Garlinghouse ก็ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านคริปโตและขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภามาแล้วเช่นกัน การเคลื่อนไหวจากทั้งฝั่งการให้ความรู้และการผลักดันด้านนโยบายนี้จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า อุตสาหกรรมกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทลายกำแพงแห่งความไม่เข้าใจ เพื่อปูทางไปสู่การยอมรับในวงกว้างต่อไป
ที่มา: cointelegraph

