<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจ้ามือถอน Ethereum กว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ออกจาก Aave ทำดอกเบี้ยกู้ยืมพุ่งทะลุ 10%

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดผู้ให้บริการกู้ยืมในโลก DeFi กำลังเผชิญกับแรงกระเพือมครั้งใหญ่ เมื่อแพลตฟอร์ม Aave ซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญต้องรับมือกับการไหลออกครั้งใหญ่ของ Ethereum (ETH) ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นักลงทุนรายใหญ่หรือที่รู้จักกันในนาม “เจ้ามือ” ได้ถอน ETH ออกจาก Liquidity Pool ของ Aave มากถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหตุการณ์ดังกล่าว จุดชนวนให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ที่สั่นสะเทือนระบบนิเวศโดยรวม 

ปกติแล้วเมื่อนักลงทุนรายใหญ่ต้องการถอน ETH  พวกเขาจำเป็นต้องยกเลิกโพสิชั่น Staked ETH อย่าง wstETH มูลค่าเกือบ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปพร้อมกัน ซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันมหาศาลในการขาย Liquid Staking Token (LST) ในตลาด และบีบให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้นสู่ตัวเลขสองหลักอย่างรวดเร็ว 

อัตราการกู้ยืม ETH บน Aave พุ่งทะลุ 10% อย่างน่าตกใจ จากที่เคยอยู่ที่ประมาณ 1.4% เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า ปัจจุบันกลับพุ่งสูงถึง 10.5% ทำให้ผู้กู้จำนวนมากต้องเผชิญกับภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ทางด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า ช่องว่างสภาพคล่องที่เกิดจากการถอนเงินครั้งนี้ มีมูลค่าเกินกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผลักดันให้อัตราการใช้งานของโปรโตคอลพุ่งสูงขึ้นในลักษณะที่เป็นอันตราย และบีบให้อัลกอริทึมต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นให้มีการฝากเงินเพิ่ม

เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นจุดอ่อนสำคัญในการออกแบบของแพลตฟอร์ม Aave และระบบนิเวศการ Staking ในโลก DeFi โดยรวมอย่างชัดเจน การถอนเงินจำนวนมหาศาลในคราวเดียวสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างการให้สภาพคล่องสำหรับการกู้ยืม กับการนำ ETH ไปล็อกไว้เพื่อรับผลตอบแทน 

เมื่อผู้ฝากรายใหญ่ต้องการ ETH คืนอย่างเร่งด่วน ระบบกลับไม่สามารถตอบสนองได้ทันที เพราะการที่แพลตฟอร์มใช้โทเค็นประเภท Liquid Staking Token (LST) อย่าง wstETH เป็นหลักประกัน ทำให้ ETH เหล่านั้นไม่ได้พร้อมใช้งาน แต่ถูกล็อกไว้กับ Beacon Chain ซึ่งกระบวนการยกเลิก positionเหล่านี้ เพื่อนำ ETH ออกมานั้นมีความซับซ้อน ล่าช้า และทำให้ระบบไม่เสถียร นำไปสู่วิกฤตสภาพคล่องในช่วงเวลาที่ระบบต้องการความมั่นคงมากที่สุด

ผลกระทบที่ตามมาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใช้งาน Aave ที่ต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่การที่โทเค็นประเภท LST อย่าง wstETH ถูกบังคับขายเพื่อเรียกคืน ETH ยังส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์เหล่านี้ร่วงลดลงอย่างเห็นได้ชัดในตลาดแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ทั่วโลก 

ที่มา:crypto-economy