<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กำแพงกำลังทลาย! ‘คริปโต’ สลัดคราบความซับซ้อน สวมร่าง ‘กองทุนรวม’ เอาใจนักลงทุนดั้งเดิม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นเวลาหลายปีที่คริปโตเคอร์เรนซีต้องต่อสู้กับ “ปัญหาด้านภาพลักษณ์” ของตัวเอง ด้วยศัพท์แสงทางเทคนิคที่เข้าใจยาก, ข่าวสารที่เต็มไปด้วยความผันผวน และหน้าตาโปรแกรมที่ชวนสับสน ทำให้นักลงทุนจำนวนมากยังคงมองว่ามันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเสี่ยงเกินกว่าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ล่าสุดภูมิทัศน์ดังกล่าวได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเครื่องมือทางการเงินที่คุ้นเคยกันดีอย่าง “กองทุนดัชนี” และกลยุทธ์การสร้างผลตอบแทนอย่าง “Staking” ได้เข้ามาเป็นสะพานเชื่อม ทำให้โลกของสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวน้อยลงสำหรับทุกคน

นาย Ryan Rasmussen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Bitwise Asset Management ได้อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ในรายการพอดแคสต์ “Clear Crypto Podcast” ว่า “ที่ Bitwise เราพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการที่จะเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตโดยตรง… แต่ผ่านเครื่องมือที่พวกเขาคุ้นเคยกับการลงทุนอยู่แล้ว” เครื่องมือดังกล่าวก็คือกองทุน ETF ที่อ้างอิงกับดัชนีของ Bitcoin และ Ether รวมถึงกองทุนดัชนีคริปโตแบบผสมผสานที่ทำงานไม่ต่างอะไรจากกองทุน S&P 500 แต่เป็นสำหรับโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ

Bitwise ซึ่งบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับคริปโตเกือบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสะดวกสบาย แต่เป็นการ “ทลายกำแพง” การเข้าถึงอย่างแท้จริง “นักลงทุนเพียงแค่นำเงินมาใส่ในกองทุน จากนั้นกองทุนก็จะทำหน้าที่นำเงินไปซื้อสินทรัพย์คริปโตมาเก็บไว้ใน Cold Storage กับผู้ให้บริการระดับโลกอย่าง Coinbase และ Anchorage” เขาอธิบาย โครงสร้างที่เรียบง่ายนี้ได้ขจัดอุปสรรคที่เคยขัดขวางที่ปรึกษาทางการเงินหรือนักลงทุนสถาบันเอาไว้ “ในทางปฏิบัติแล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินไม่สามารถไปซื้อ Bitcoin แล้วมาเก็บไว้ใน Cold Storage ในนามของลูกค้าได้” Rasmussen กล่าว

นอกเหนือจากกองทุนแล้ว การ “Staking” หรือการนำเหรียญไปฝากเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและรับผลตอบแทน ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต Rasmussen มองว่าในระยะยาวแล้ว “การ Staking จะถูกมองว่าเป็นเพียงบริการหนึ่งที่มอบให้กับนักลงทุน” ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบในกรุงวอชิงตันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มี Bitcoin ETF” ที่ทำให้นักลงทุนสถาบันเปิดใจรับคริปโตมากขึ้น การมาถึงของเครื่องมือที่คุ้นเคยเหล่านี้จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า กำแพงระหว่างโลกการเงินแบบดั้งเดิมและโลกคริปโตกำลังพังทลายลง และสินทรัพย์ดิจิทัลก็กำลังจะกลายเป็นทางเลือกในการลงทุนกระแสหลักที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ที่มา: cointelegraph