ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจโหวตผ่านกฎหมายเกี่ยวกับ stablecoin ซึ่งเรียกกันว่า GENIUS ACT โดยกฎหมายนี้ไม่ได้ส่งผลดีแค่กับอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวมเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนทั่วไปเริ่มสนใจและอยากรู้ว่า stablecoin คืออะไร ? และมีความสำคัญอย่างไรในโลกการเงินยุคใหม่
โดยข้อมูลจาก Google Trend เปิดเผยว่ายอดคำค้นหา “stablecoins” ได้พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนนี้ สอดคล้องกับช่วงจังหวะเวลาที่รัฐได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว และการที่ธนาคารเริ่มออกมายืนยันว่าจะมีการออก stablecoins
ก่อนหน้านี้ stablecoin เคยเป็นที่สนใจจากชาวโลกมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ต้องย้อนกลับไปถึงเดือนพฤษภาคม 2022 หรือช่วงที่เกิดเหตุการณ์วิกฤต Terra (USTC) ที่ทำให้ระบบนิเวศ Luna (LUNC) ล่มสลายและส่งผลกระทบต่อตลาดแบบโดมิโน ซึ่งสวนทางกับปัจจุบันที่การค้นหาสืบเนื่องมาจากข่าวดีไม่ใช่ข่าวร้าย และนักวิเคราะห์หลายคนก็เชื่อว่า Stablecoin จะสามารถดึงผู้ใช้นับพันล้านรายเข้ามาในตลาดคริปโต

ขณะเดียวกัน Bitwise ผู้จัดการสินทรัพย์ ได้ออกมายืนยันว่า stablecoin กำลังที่จะโตสุดขีด (parabolic) เห็นได้จากจำนวนการทำธุรกรรมได้สูงขึ้น และมูลค่าตลาดโดยรวมที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ที่ $2.7 แสนล้าน หรือ 7% ของมูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมด
ทั้งนี้ กว่า 98% ของ stablecoins มีการตรึงมูลค่าเข้ากับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และ Tether ( USDT) ก็มีส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าวที่สูงถึง 60%

นักวิเคราะห์ยังระบุว่า stablecoin กำลังกลายเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดคริปโต ซึ่งทำให้ความต้องการในตัวมันเพิ่มขึ้น เพราะถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลายบริษัทในปัจจุบันจะเลือกสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นทุนสำรอง แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่หันมาเลือก stablecoin แทน เนื่องจากต้องการเข้าถึงตลาดคริปโตในลักษณะที่ปลอดภัยมากกว่า
ที่มา : Cointelegraph

