ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้มีคำสั่ง “กลับคำตัดสิน” ในคดีของนาย Nathaniel Chastain อดีตผู้จัดการของ OpenSea ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินจากการใช้ข้อมูลภายในเพื่อซื้อขาย NFT คำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์นี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ในคำตัดสินเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์เขตที่สองของสหรัฐฯ ได้วินิจฉัยว่าคณะลูกขุนในคดีก่อนหน้านี้ได้รับ “คำแนะนำที่ไม่เหมาะสม” (improperly instructed) และอาจตัดสินลงโทษนาย Chastain จาก “พฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ” แทนที่จะเป็นการยักยอก “ผลประโยชน์ในทรัพย์สินตามแบบดั้งเดิม” (traditional property interest) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นภายใต้กฎหมายว่าด้วยการฉ้อโกงของรัฐบาลกลาง “เราเห็นด้วย” คำตัดสินของศาลระบุ “ว่าศาลชั้นต้นได้ให้คำแนะนำที่ผิดพลาดแก่คณะลูกขุน”

ก่อนหน้านี้ในปี 2023 นาย Chastain เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน และถูกตัดสินจำคุก 3 เดือนพร้อมกับโทษปรับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากการที่เขาได้ใช้ข้อมูลภายในที่รู้ว่า NFT ชิ้นใดกำลังจะถูกนำมาโปรโมตบนหน้าแรกของ OpenSea เพื่อเข้าช้อนซื้อก่อนล่วงหน้าแล้วนำมาขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ทีมทนายของเขาได้ยื่นอุทธรณ์ในต้นปี 2024 โดยโต้แย้งว่า “ข้อมูลที่เป็นความลับ” เกี่ยวกับ NFT นั้น ไม่เข้าข่ายเป็น “ทรัพย์สินที่ได้รับการคุ้มครอง” (protected property) ตามกฎหมาย “ไม่ใช่ว่าข้อมูลที่เป็นความลับทุกอย่างจะเป็นทรัพย์สิน” คำอุทธรณ์ระบุ พร้อมเสริมว่า “OpenSea ได้เงินจากค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายของ Chastain ด้วยซ้ำ”
OpenSea ถือเป็นตลาด NFT ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายสะสมสูงกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แพลตฟอร์มได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในช่วงที่ตลาด NFT บูมสุดขีดในปี 2021-2022 โดยเคยมีปริมาณการซื้อขายต่อเดือนสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2022 การกลับคำตัดสินในคดีประวัติศาสตร์ครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะของนาย Chastain เท่านั้น แต่ยังเป็นการตั้งคำถามครั้งสำคัญถึงขอบเขตของกฎหมายที่มีอยู่ว่าจะสามารถนำมาปรับใช้กับโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร
ที่มา: cointelegraph

