<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ฮ่องกงบังคับใช้กฎหมาย Stablecoin ใหม่ KYC เข้ม ห้าม DeFi เชื่อมต่อ วงการ Web3 ผวา

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ที่ผ่านมา ฮ่องกงได้ประกาศบังคับใช้กฎหมาย Stablecoin Ordinance อย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า ผู้ให้บริการเหรียญ Stablecoin ที่อิงกับสกุลเงินรัฐบาล (Fiat-backed) ต้องได้รับใบอนุญาตจาก สำนักงานการเงินฮ่องกง (HKMA) พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านทุนสำรอง การตรวจสอบตัวตน (KYC) มาตรฐานความโปร่งใส และข้อห้ามด้านการตลาดอย่างเคร่งครัด กฎหมายดังกล่าวถูกมองว่าเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ของการกำกับดูแล Stablecoin ในระดับโลก แต่ในเวลาเดียวกันก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เข้มงวดเกินไปและปิดกั้นนวัตกรรม Web3 โดยเฉพาะ DeFi

ใบอนุญาตรอบแรกจะเริ่มรับสมัครถึงวันที่ 30 กันยายน 2025 และคาดว่าจะออกใบอนุญาตชุดแรกได้ในต้นปี 2026 โดยผู้สมัครต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 25 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง และสำรองเหรียญไว้ 100% ด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องคุณภาพสูง เช่น เงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ทั้งนี้ยังห้ามนำทรัพย์สินไปใช้ซ้ำหรือจำนำซ้ำอย่างเด็ดขาด ผู้ใช้งานต้องสามารถขอแลกคืนเหรียญได้ภายในวันทำการเดียว ข้อกำหนดที่สร้างแรงกระเพื่อมมากที่สุดคือการบังคับใช้ KYC แบบชื่อจริง ซึ่งไม่เพียงต้องตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ทุกคน แต่ยังต้องเก็บข้อมูลไว้นานกว่า 5 ปี พร้อมห้ามเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินแบบไม่ระบุตัวตนหรือ DeFi โดยเด็ดขาด

แนวทางดังกล่าวแตกต่างจากสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ซึ่งกำลังผลักดันแนวคิด “Innovation Exemption” ภายใต้โครงการ Project Crypto ของ SEC เพื่อไม่ให้กฎระเบียบกลายเป็น “เตียง Procrustean” ที่บีบบังคับนวัตกรรมให้ต้องพอดีตามกรอบ ขณะที่กฎหมายฮ่องกงกลับเน้นการควบคุมแบบเบ็ดเสร็จถึงระดับการไล่บล็อก IP ตรวจจับ VPN และห้ามทำตลาดนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด แม้แต่การส่งโฆษณาไปยังพื้นที่ห้ามก็อาจถูกนับเป็นการละเมิด

ภาคเอกชนและชุมชน Web3 ในฮ่องกงแสดงความเห็นแตกต่างกัน บางรายยินดีที่ “ในที่สุดก็มีกรอบกฎหมาย” แต่หลายเสียงวิจารณ์ว่าระบบใบอนุญาตพร้อมเกณฑ์สูงเช่นนี้ไม่เหมาะกับสตาร์ทอัพและโปรเจกต์ Web3 ขนาดเล็ก หลายร้าน OTC ถึงขั้นระงับการให้บริการชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย การห้ามใช้กระเป๋าเงินไม่ระบุตัวตนและการเชื่อมต่อกับ smart contract ที่ไม่ได้รับอนุญาต ได้ถูกตีความว่า Stablecoin ในฮ่องกง จะไม่สามารถใช้ใน DeFi ได้เลย

นักพัฒนาหลายรายมองว่า ฮ่องกงกำลังเบนเข็มออกจาก “Web3 แบบเปิด” ไปสู่ “Web2.5 แบบมีใบอนุญาต” ที่เน้นโครงสร้างแบบ permissioned และสถาบันการเงินมากกว่าเทคโนโลยีแบบ permissionless ซึ่งสวนทางกับหลักการของโลก on-chain ที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้อย่างเสรี

เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น เช่น สหภาพยุโรป (EU) ภายใต้กฎหมาย MiCA ที่ยังยอมให้ใช้งานกระเป๋าเงินนิรนามได้ในธุรกรรมมูลค่าต่ำ หรือ สิงคโปร์ ที่ใช้ sandbox ให้ DeFi เข้าร่วมทดสอบแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือแม้แต่ สหรัฐฯ ที่เริ่มเคลื่อนไหวด้วย GENIUS Act และ Project Crypto เพื่อสร้างกฎหมายที่ยืดหยุ่นขึ้นสำหรับ on-chain นั้น กฎของฮ่องกงจึงดู “สุดโต่ง” มากกว่าทุกที่

แม้ HKMA จะชี้แจงว่าอาจมีการ “ผ่อนคลายภายหลังตามพัฒนาการเทคโนโลยี” แต่เฟสเริ่มต้นนี้ถือว่ากำหนดมาตรฐานการควบคุมที่เข้มข้นที่สุดในโลก และอาจลดแรงดึงดูดของฮ่องกงในฐานะฐานพัฒนา Web3

บทสรุปคือ กฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่ของฮ่องกงสะท้อนความพยายามในการเป็นศูนย์กลางการเงินดิจิทัลแบบมีใบอนุญาต แต่ก็ตั้งคำถามสำคัญว่า: เราจะสร้างสมดุลระหว่าง “ความปลอดภัยทางการเงิน” กับ “ความเปิดกว้างของบล็อกเชน” ได้จริงหรือไม่ ท้ายที่สุด สิ่งที่ Web3 ต้องการอาจไม่ใช่กฎที่เข้มที่สุด — แต่เป็นกฎที่ยืดหยุ่นพอให้ทุกคนได้เข้ามาสร้างร่วมกัน


ที่มา: wublock