ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทรงพลังยิ่งกว่าและอาจกลายเป็น “ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ต่อความมั่นคงของ Bitcoin และระบบคริปโตทั้งหมด นั่นคือ “ควอนตัมคอมพิวติ้ง” (Quantum Computing) เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่อาจทำลายระบบการเข้ารหัสที่เปรียบเสมือนปราการปกป้อง Bitcoin ได้ในพริบตา แต่ยังอาจปลุก “ผีดิบ” ของ Bitcoin ที่สูญหายไปแล้วนับล้านเหรียญให้กลับคืนชีพขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากกลศาสตร์ควอนตัม สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันที่อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษ หัวใจของภัยคุกคามนี้อยู่ที่อัลกอริทึมควอนตัมที่ชื่อว่า “Shor’s Algorithm” ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นในปี 1994 และมีความสามารถในการ “ถอดรหัส” กุญแจส่วนตัว (Private Key) ออกมาจากกุญแจสาธารณะ (Public Key) ได้ ซึ่งเป็นการทำลายระบบการเข้ารหัสแบบกุญแจอสมมาตร (Asymmetric Cryptography) อย่าง Elliptic Curve Digital Signature Algorithm (ECDSA) ที่ Bitcoin ใช้อยู่ลงอย่างสิ้นเชิง
ปลุกชีพ Bitcoin ที่สาบสูญ ขุมทรัพย์หรือหายนะ?
หนึ่งในผลกระทบที่น่าทึ่งและน่ากลัวที่สุดคือความเป็นไปได้ที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะสามารถ “กู้คืน” Bitcoin ที่สูญหายไปแล้วอย่างถาวรกลับคืนมาได้ นักวิเคราะห์ประเมินว่ามี Bitcoin ที่สูญหายไปอย่างถาวรอยู่ระหว่าง 2.3 ถึง 3.7 ล้านเหรียญ ซึ่งรวมถึงเหรียญของ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ที่คาดว่ามีอยู่ถึง 1 ล้านเหรียญด้วย หากควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถถอดรหัสวอลเล็ตเหล่านี้และนำเหรียญทั้งหมดกลับเข้าสู่ระบบได้ ก็อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดอย่างรุนแรงและทำลายคุณสมบัติด้าน “ความหายาก” (scarcity) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของมูลค่า Bitcoin ลงได้
เราควรจะกังวลแล้วหรือยัง?
แม้ภัยคุกคามจะดูน่ากลัว แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ รวมถึงบุคคลสำคัญอย่าง Adam Back และ Michael Saylor ต่างก็มองว่านี่ “ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลในปัจจุบัน” เนื่องจากควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังพอที่จะทำลายการเข้ารหัสของ Bitcoin ได้นั้น อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีหรือหลายทศวรรษในการพัฒนา โดยมีการประเมินว่าอาจจะต้องใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่มี Qubit (หน่วยข้อมูลพื้นฐาน) สูงถึง 13 ถึง 300 ล้าน Qubit ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันมีเพียง 100 ถึง 1,000 Qubit เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมคริปโตก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ นักพัฒนากำลังทำงานอย่างหนักเพื่ออัปเกรดเครือข่ายให้สามารถต้านทานต่อการโจมตีจากควอนตัมได้ในอนาคต ซึ่งรวมถึงการวิจัยเกี่ยวกับ “กระเป๋าเงินที่ต้านทานควอนตัม” (quantum-resistant wallets) และโปรโตคอลใหม่ๆ อย่าง QRAMP ในระหว่างนี้ วิธีป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานคือการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน เช่น การไม่ใช้ที่อยู่ (Address) ซ้ำ และใช้กระเป๋าเงินที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Taproot และ SegWit เพราะในโลกที่เทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตคือสิ่งที่จะช่วยให้เราอยู่รอดได้ในระยะยาว
ที่มา: cointelegraph

