ราคา Ethereum (ETH) ทะยานขึ้นแตะ $4,700 ในวันนี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2021 เหลือเพียงราว $170 จากจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) โดยข้อมูลตลาดระบุว่ามีแรงซื้อจากสถาบัน (Institutional Inflow) มูลค่ากว่า $27,000 ล้าน ในวันเดียว คิดเป็นเกือบ 40% ของ ETH ทั้งหมดที่อยู่บนกระดานซื้อขาย ปรากฏการณ์นี้ทำให้ตลาดเริ่มพูดถึง “Supply Shock” หรือภาวะที่อุปทาน ETH บนตลาดเริ่มตึงตัว ซึ่งมักเป็นปัจจัยเร่งให้ราคาขึ้นแรง
สิ่งที่น่าสนใจคือการพุ่งขึ้นครั้งนี้แตกต่างจากรอบก่อนหน้าในปี 2021 อย่างมาก เพราะแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก ตลาดสปอต (Spot Market) แทนที่จะเป็นการเก็งกำไรด้วยเลเวอเรจสูง ทำให้โครงสร้างตลาดดูแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกัน กิจกรรมบนเครือข่าย Layer 2 เช่น Arbitrum และ Optimism ก็กำลังทำสถิติใหม่ด้านธุรกรรม และ ETH ที่ถอนออกจากการ Stake ส่วนใหญ่ถูกนำกลับเข้าสู่กระเป๋าเก็บยาว (HODL) มากกว่าจะถูกขาย
ข้อมูล spot eth จาก coinmarketcap
แรงส่งของ ETH ยังได้อานิสงส์จากบรรยากาศตลาดการเงินโลก หลังสหรัฐประกาศตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 2.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.8% ทำให้ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเดือนกันยายนพุ่งขึ้นแตะ 90% ตามเครื่องมือ CME FedWatch ความคาดหวังดังกล่าวช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะคริปโต ที่มักตอบสนองเชิงบวกต่อสภาพคล่องการเงินที่ผ่อนคลาย
ในมุมมองทางเทคนิค ระดับ $4,800 ถือเป็นแนวต้านสำคัญ หากสามารถทะลุผ่านไปพร้อมปริมาณซื้อขายหนาแน่น มีโอกาสสูงที่ ETH จะสร้าง All-Time High ใหม่ ได้ในระยะสั้น และหากแรงซื้อยังคงต่อเนื่อง อาจเห็นราคาวิ่งต่อไปในช่วง “Price Discovery” ซึ่งไม่มีแนวต้านทางประวัติศาสตร์ให้หยุดยั้ง ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนมองว่าการทำลาย ATH ก่อนการลดดอกเบี้ย Fed จะเป็น “Statement” สำคัญที่ยืนยันสถานะของ ETH ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ
ด้านนักวิเคราะห์เชื่อว่า หาก ETH ทำลาย ATH ได้สำเร็จ จะเป็นตัวจุดชนวนให้ Alt Season หรือช่วงที่เหรียญทางเลือก (Altcoins) ทำผลงานแซง Bitcoin เริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากความมั่นใจและกระแสเงินทุนจะไหลเข้าสู่โปรเจกต์อื่นในระบบนิเวศ Ethereum มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น DeFi, NFT หรือโซลูชัน Layer 2
ด้วยโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง ปัจจัยพื้นฐานที่หนุน และแรงซื้อจากสถาบันที่เพิ่มขึ้น การที่ ETH จะทะลุ ATH ในไม่กี่วันข้างหน้าอาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และสิ่งที่นักลงทุนกำลังจับตาหลังจากนั้นคือ “จะไปได้ไกลแค่ไหน” เมื่อคลื่นสภาพคล่องรอบใหม่เริ่มพัดเข้าสู่ตลาดคริปโตอย่างเต็มกำลัง
ที่มา : coinmarketcap