15 สิงหาคม 2025 เทย์เลอร์ สวิฟต์ ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ สร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆ ทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อเวลา 00:12 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ เว็บไซต์ทางการของเธอนับถอยหลังสู่ศูนย์ และเปิดเผยผลงานอัลบั้มสตูดิโอชุดที่ 12 “The Life of a Showgirl” ซึ่งเป็นผลงานใหม่ชุดแรกหลังจาก “The Tortured Poets Department” การเปิดตัวครั้งนี้ยังคงสไตล์ “สวิฟต์” แบบเต็มรูป ทั้งดราม่า เป๊ะทุกวินาที และปลุกกระแสการจับจองสินค้าทันที
อัลบั้มของสวิฟต์ไม่ได้เป็นเพียงผลงานเพลง แต่แทบจะเป็น “สินทรัพย์” ในสายตาแฟนๆ เพราะทุกครั้งจะมาพร้อมแผ่นไวนิลลิมิเต็ดที่ขายหมดในไม่กี่นาที คุณค่าของมันไม่ได้อยู่แค่ต้นทุนการผลิต แต่อยู่ที่แบรนด์ ความเชื่อใจ และความผูกพันทางอารมณ์ — ซึ่งหลักการนี้คล้ายกับ “บิตคอยน์” สินทรัพย์ดิจิทัลที่คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ (CFTC) รับรองให้เป็น “สินค้าโภคภัณฑ์” ตั้งแต่ปี 2015
เช่นเดียวกับบิตคอยน์ อัลบั้มของสวิฟต์มีจำนวนจำกัดและมีแรงซื้อจากความต้องการสูง บิตคอยน์มีการออกเหรียญใหม่ลดลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี หรือที่เรียกว่า “Halving” ทำให้เกิดความขาดแคลนตามระบบ ส่วนฝั่งสวิฟต์ การทำเวอร์ชันพิเศษของแผ่นไวนิลหรือสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ก็สร้างระบบที่ควบคุมซัพพลาย ทำให้ราคาพุ่งในตลาดมือสอง
ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน บทเรียนนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น บิตคอยน์ยังคงถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่ป้องกันความเสี่ยงจากการพิมพ์เงินและหนี้สาธารณะสูง อย่างล่าสุด “Big Beautiful Bill” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่มเพดานหนี้อีก 5 ล้านล้านดอลลาร์ ยิ่งทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ “สร้างเพิ่มไม่ได้” เช่นทองคำและบิตคอยน์
ทั้งสวิฟต์และบิตคอยน์ยังมีจุดร่วมสำคัญคือ “ความเชื่อมั่น” แฟนๆ เชื่อว่าอัลบั้มของสวิฟต์จะมีคุณภาพตามมาตรฐานที่เธอสร้างไว้ เช่นเดียวกับที่นักลงทุนบิตคอยน์เชื่อมั่นในระบบบล็อกเชนว่าปลอดปลอมและตรวจสอบได้ ความเชื่อใจนี้เป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมมูลค่า
แม้ตลาดเพลงกับตลาดคริปโตจะแตกต่างกัน แต่หลักการเบื้องหลังคล้ายกัน — ซัพพลายจำกัด ความต้องการสูง และความเชื่อมั่นในคุณค่าในอนาคต ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนที่รีบกดพรีออเดอร์ “The Life of a Showgirl” หรือเป็นนักลงทุนที่ซื้อบิตคอยน์เพิ่มตอนราคาย่อตัว แรงผลักดันเหล่านี้ก็คือพลังเดียวกันที่ขับเคลื่อนมูลค่าในตลาด
ที่มา: Forbes