สำหรับนักลงทุนในโลกคริปโตมาอย่างยาวนาน เราต่างคุ้นเคยกับภาพของบุคคลมีชื่อเสียงระดับโลกที่ก้าวเข้ามาสู่เวทีนี้ราวกับเป็นพระเอกขี่ม้าขาว การปรากฏตัวของพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย ในโฆษณาระดับ Super Bowl หรือแม้แต่บนเวทีมวย กลายเป็นสัญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จุดประกายความหวังและดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนรายย่อยให้หลั่งไหลเข้าสู่โครงการใหม่ๆ ราวกับแม่เหล็ก แต่วันนี้ ภาพฝันเหล่านั้นได้พังทลายลง ฉากละครที่เคยสวยหรูได้ปิดม่านลงพร้อมกับความเสียหายมูลค่ามหาศาล และกฎที่เคยเชื่อกันว่า “การมีคนดังรับรองคือหลักประกัน” ก็ได้ถูกล้มล้างไปตลอดกาล
นี่คือเรื่องราวของเหล่าคนดังที่เคยเจิดจรัสอยู่บนจุดสูงสุดของเวทีคริปโต ก่อนที่บทบาทของพวกเขาจะจบลงด้วยการถูกฟ้องร้อง การถูกหน่วยงานกำกับดูแลสั่งปรับ และการทิ้งบาดแผลไว้ให้กับแฟนคลับที่เชื่อมั่นในตัวพวกเขา
Kim Kardashian บทเรียนราคา 1.26 ล้านดอลลาร์
ด้วยอิทธิพลที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่เธอสัมผัสให้กลายเป็นกระแสได้ โพสต์เดียวบน Instagram ของ Kim Kardashian จึงมีพลังมหาศาล ในเดือนมิถุนายน 2021 พลังนั้นได้ถูกนำมาใช้กับโทเคน EthereumMax (EMAX) ผ่านโพสต์ที่ดูเหมือนเป็นกันเองว่า “นี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน แต่เป็นการแบ่งปันสิ่งที่เพื่อนของฉันบอก…” แต่เบื้องหลังฉากละครที่ดูเป็นธรรมชาตินี้ คือค่าจ้าง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐที่เธอไม่ได้เปิดเผย
การกระทำนี้เปรียบเสมือนการจุดไฟให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง ฉากสุดท้ายของละครเรื่องนี้จบลงด้วยการที่ Kardashian ต้องจ่ายเงิน 1.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อยอมความ และถูกสั่งห้ามโปรโมตสินทรัพย์คริปโตใดๆ เป็นเวลาสามปี นี่คือบทเรียนราคาแพงที่ส่งสัญญาณไปทั่ววงการว่ายุคของการโฆษณาแบบไม่เปิดเผยได้สิ้นสุดลงแล้ว
Floyd Mayweather Jr. นักชกผู้ช่ำชองบนสังเวียนคริปโต(ที่น่าสงสัย)
หาก Kim Kardashian คือนักแสดงที่เพิ่งรับบทในละครคริปโตเป็นครั้งแรก Floyd Mayweather Jr. ก็เปรียบเสมือนนักแสดงรุ่นเก๋าที่ปรากฏตัวในฉากที่น่ากังขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคือหนึ่งในคนดังกลุ่มแรกๆ ที่ถูก SEC เพ่งเล็งจากการโปรโมตการระดมทุน ICO ที่ฉ้อโกงอย่าง Centra Tech ในปี 2017 ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับ Visa และ Mastercard หรือประวัติผู้บริหารที่อ้างว่าจบจากฮาร์วาร์ด Mayweather โพสต์ข้อความกระตุ้นผู้ติดตามว่า “รีบซื้อก่อนจะหมด ผมซื้อของผมแล้ว…” โดยไม่เปิดเผยว่าเขาได้รับค่าจ้างเพื่อทำเช่นนั้น
หลายปีต่อมา เขากลับมาอีกครั้งในฐานะผู้โปรโมตหลักของ EthereumMax (EMAX) โดยสวมกางเกงที่มีโลโก้ EMAX ขึ้นชกบนเวทีระดับโลก เรื่องราวของเขาแสดงให้เห็นถึงรูปแบบที่ชัดเจนของการใช้อิทธิพลเพื่อแลกกับผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมของโครงการ
Logan Paul สวนสัตว์ดิจิทัลที่กลายเป็นสุสานแห่งความฝัน
Logan Paul นำเสนอโครงการ CryptoZoo ด้วยภาพฝันอันหอมหวาน มันคือ “เกมสนุกๆ ที่ทำเงินให้คุณได้” ที่ซึ่งผู้เล่นสามารถซื้อไข่ ฟักเป็นสัตว์ดิจิทัล และสร้างรายได้จากระบบนิเวศ NFT ที่เขาสร้างขึ้น เขาอ้างว่าทุ่มเงินลงทุนส่วนตัวไปกว่าล้านดอลลาร์ และใช้พลังจากฐานแฟนคลับมหาศาลของเขาเพื่อระดมทุนหลายล้านดอลลาร์ แต่สวนสัตว์ที่เคยถูกวาดฝันไว้กลับไม่เคยเปิดทำการจริง เกมไม่เคยถูกสร้างขึ้น และเงินของนักลงทุนก็สูญสลายไปกับโครงการที่ว่างเปล่า
เรื่องราวถูกเปิดโปงโดยสารคดีสืบสวนของ YouTuber ชื่อ Coffeezilla ซึ่งเปรียบเสมือนการกระชากหน้ากากที่ปิดบังความล้มเหลวนี้ไว้ ปฏิกิริยาของ Paul เป็นเหมือนรถไฟเหาะ ตั้งแต่การขู่ฟ้องกลับ ไปจนถึงการออกมาขอโทษอย่างจำนน (“จ้างนักต้มตุ๋นและผู้มีประวัติอาชญากรรม”) และเสนอแผนคืนเงิน 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่แล้วบทละครก็พลิกผันอีกครั้งเมื่อเขากลับลำฟ้องร้อง Coffeezilla ในข้อหาหมิ่นประมาท CryptoZoo ได้กลายเป็นอนุสรณ์สถานของโครงการที่ถูกสร้างขึ้นจากอิทธิพลเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้
Justin Bieber, Madonna, และทัพดาราแห่ง Bored Ape Yacht Club
กรณีของ Bored Ape Yacht Club (BAYC) ได้ยกระดับความซับซ้อนของละครฉ้อฉลนี้ไปอีกขั้น มันไม่ใช่แค่การจ่ายเงินให้คนดังโพสต์ข้อความ แต่เป็นการสร้าง “ภาพลวงตาของการสนับสนุนโดยธรรมชาติ” อย่างเป็นระบบ เราได้เห็น Justin Bieber, Madonna, Paris Hilton และ Jimmy Fallon ต่างพากันอวดโฉม NFT รูปลิงหน้าเบื่อของตนเองบนโซเชียลมีเดียและในรายการโทรทัศน์ระดับประเทศ
ทำให้เกิดความรู้สึกว่านี่คือคลับสุดพิเศษที่เหล่าคนดังต่างแย่งกันเข้าร่วม แต่คำฟ้องแบบกลุ่มได้เปิดโปงกลไกที่อาจอยู่เบื้องหลังภาพเหล่านั้น โดยกล่าวหาว่ามี “แผนการ” ที่ใช้บริษัทชำระเงินคริปโต MoonPay เป็น “องค์กรบังหน้า” เพื่อจ่ายเงินให้เหล่าคนดังอย่างลับๆ ทำให้การโปรโมตที่ได้รับค่าจ้างดูเหมือนเป็นการซื้อโดยสมัครใจ
ฉากที่น่าจดจำที่สุดคือตอนที่ Jimmy Fallon และ Paris Hilton พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับ BAYC ของพวกเขาในรายการ The Tonight Show โดยไม่ได้เปิดเผยว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นนักลงทุนใน MoonPay และมีผลประโยชน์ทับซ้อน คดีนี้กำลังท้าทายเส้นแบ่งระหว่างการสนับสนุนที่แท้จริงกับการตลาดที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแยบยล
สมาชิก FaZe Clan เมื่อการกุศลถูกใช้เป็นเครื่องมือ
เรื่องอื้อฉาวของโทเคน SaveTheKids ($KIDS) นั้นเลวร้ายเป็นพิเศษ เพราะมันใช้ประโยชน์จากความไว้วางใจของแฟนคลับรุ่นเยาว์ โครงการนี้ถูกนำเสนอว่าเป็นโทเคนเพื่อการกุศล โดยอ้างว่ารายได้ส่วนหนึ่งจะถูกบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ สมาชิก FaZe Clan หลายคนได้โปรโมตโทเคนนี้อย่างหนัก
แต่เบื้องหลังคือแผนการ “ปั่นแล้วทุบ” ที่ถูกวางแผนมาอย่างดี กลไกสำคัญคือการแอบแก้ไขโค้ดของโทเคนก่อนเปิดตัว เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบ “ป้องกันวาฬ” (Anti-Whaling) จากเดิมที่จำกัดการขายของรายใหญ่ทุก 24 ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 60 วินาที ซึ่งเปิดทางให้คนวงในสามารถเทขายโทเคนทั้งหมดได้ทันทีหลังเปิดตัว ทำให้ราคาดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ผลสุดท้ายคือ Binance Charity ยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินบริจาคใดๆ และ FaZe Clan ต้องไล่สมาชิกคนหนึ่งออกและพักงานอีกสามคนเพื่อควบคุมความเสียหาย
Andrew Tate และ Davido ยุคใหม่แห่งการ “ทุบแล้วทิ้ง” ที่โจ่งแจ้ง
หากกรณีอื่นๆ คือละครที่ต้องใช้เวลาสร้างเรื่องราว กรณีของ Andrew Tate และ Davido ก็เปรียบเสมือนละครสั้นจบในตอนที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการขั้นสุดของการฉ้อโกง มันคือการ “ทุบแล้วทิ้ง” (Rug Pull)
ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง Pump.fun บนบล็อกเชน Solana ใครๆ ก็สามารถสร้างโทเคนได้ในไม่กี่นาที Andrew Tate เปิดตัวเหรียญ DADDY ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่ามีการซื้อจากวงในจำนวนมหาศาลก่อนการประกาศต่อสาธารณะ
ขณะที่ Davido ศิลปินชื่อดังชาวไนจีเรีย ไม่ได้ปิดบังอะไรเลย เขาเปิดตัวเหรียญ DAVIDO และเทขายโทเคนทั้งหมดที่ถือครองในเวลาเพียง 11 ชั่วโมง ทำกำไรเกือบครึ่งล้านดอลลาร์จากเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย และทิ้งให้เหรียญนั้นไร้มูลค่าในทันที นี่คือจุดสิ้นสุดของความพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ มันคือการใช้ชื่อเสียงเป็นเครื่องมือสูบเงินจากแฟนคลับอย่างไม่ปิดบังและรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สรุป
เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งคราว แต่เป็นกระแสของตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ มันคือดินแดนที่อิทธิพลของคนดังถูกนำมาใช้แทนที่การตรวจสอบสถานะทางการเงินอย่างถี่ถ้วน
แต่เมื่อกฎหมายเริ่มไล่ตามทัน และนักลงทุนเริ่มเรียนรู้จากความผิดพลาดราคาแพง เวทีละครแห่งนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป การรับรองจากคนดังไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเคยอีกต่อไป และสำหรับเหล่าดาราที่เคยก้าวเข้ามาในสนามนี้ บทบาทที่พวกเขาได้รับอาจไม่ใช่บทพระเอกอย่างที่คิด แต่อาจเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องจดจำไปตลอดกาล

