เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา World Liberty Financial (WLFI) โปรเจกต์ DeFi ที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลทรัมป์ ได้เปิดให้ซื้อขายเหรียญอย่างเป็นทางการบนกระดานเทรดทั่วโลก การเปิดตัวครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันราคาของเหรียญกลับร่วงลงอย่างหนักกว่า 30% ภายในวันแรก ทำให้ทีมพัฒนาต้องรีบออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกู้คืนความเชื่อมั่น
ทางทีมงานของ WLFI เปิดเผยว่า พวกเขากำลังเดินหน้าเตรียมแผนซื้อคืนโทเคน และตามมาด้วยการเผาโทเคนเพื่อลดจำนวนเหรียญในระบบและเพิ่มความหายาก ซึ่งกลไกนี้จะช่วยสนับสนุนให้มูลค่าของโทเคนที่ยังหมุนเวียนอยู่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมจากเครือข่ายหลักอย่าง Ethereum, BNB Chain และ Solana จะถูกนำมาใช้ทั้งหมด 100% เพื่อขับเคลื่อนแคมเปญดังกล่าว แต่ทั้งนี้ทุกอย่างยังคงขึ้นอยู่กับการโหวตจากชุมชนผู้ถือ WLFI
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของข้อเสนอนี้คือ การเพิ่มสัดส่วนความเป็นเจ้าของให้แก่ผู้ที่ถือเหรียญระยะยาว และดึงโทเคนออกจากมือของผู้ที่ไม่ได้เชื่อมั่นกับการเติบโตระยะยาวของโปรเจกต์ ข้อเสนอนี้สะท้อนถึงความพยายามที่จะสร้างเสถียรภาพและความมั่นใจในสายตาของนักลงทุน
Tespmoore โฆษกและฑูตของ WLFI เปิดเผยว่า ดิมทีทีมพิจารณาแผนแบ่งค่าธรรมเนียม 50:50 ระหว่างการเผาโทเคนและการเก็บเข้าคลังสำรอง แต่สุดท้ายพวกเขาตัดสินใจเลือกแนวทางที่มุ่งมั่นกว่า คือการนำค่าธรรมเนียมทั้งหมด 100% ไปใช้กับการเผาโทเคน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการสร้างคุณค่าให้กับ WLFI
อย่างไรก็ดี การเผาโทเคนก็ยังมีข้อกังวลอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องจำนวนค่าธรรมเนียมที่จะสามารถนำมาใช้ได้จริงว่าจะมีผลกระทบต่อราคามากน้อยเพียงใด รวมถึงประเด็นการขาดเงินสำรองฉุกเฉิน หากนำรายได้ไปเผาโทเคนทั้งหมด แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เครือข่าย WLFI จะยังมีศักยภาพในการดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ คำถามเหล่านี้ยังคงรอคำตอบจากทั้งทีมพัฒนาและชุมชนในอนาคต
ปัจจุบัน WLFI มีอุปทานหมุนเวียนอยู่ราว 27,000 ล้านเหรียญ จากอุปทานสูงสุด 100,000 ล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าตลาดราว 6.6 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การปลดล็อกโทเคนครั้งใหญ่กว่า 24,600 ล้านเหรียญเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวของโดนัลด์ ทรัมป์ถือครองโทเคนรวมมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ราคา WLFI ยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันแรกที่เปิดซื้อขาย เหรียญร่วงลงจากระดับ 0.331 ดอลลาร์ สู่จุดต่ำสุดที่ 0.210 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงกว่า 36% เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่า แม้ WLFI จะมีศักยภาพและการสนับสนุนจากผู้มีชื่อเสียงระดับปธน.สหรัฐฯ แต่โปรเจกต์ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงในฐานะโทเคนใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตลาดคริปโต ซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวน
ที่มา : Cointelegraph