เมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะร้อนระอุ ความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างสินทรัพย์แต่ละประเภทก็ปรากฏชัดขึ้นมาทันที วิล คลีเมนเต (Will Clemente) นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง ได้ตอกย้ำถึงช่องว่างนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางการสลัดเม่าครั้งล่าสุด
ความจริงก็คือ ทองคำ มีธนาคารกลางต่างๆ แห่เข้ามาซื้อเก็บเป็นทุนสำรอง, หุ้น มีกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติคอยช้อนซื้ออยู่เสมอ แต่ คริปโต กลับไม่มีใครเลย บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ก็มักจะมีราคาร่วงลงไปพร้อมๆ กับตัวเหรียญเสียเอง
เมื่อ Bitcoin ร่วง-ทุกอย่างก็ร่วงตาม
“ความแตกต่างระหว่างทองคำ, หุ้น และคริปโตในช่วงเวลาที่สั่นคลอนก็คือ ทองคำมีธนาคารกลางคอยช้อนซื้อ, หุ้นมีกองทุนบำเหน็จบำนาญคอยช้อนซื้อ แต่คริปโตมีสิ่งนี้:” คลีเมนเตกล่าว พร้อมโพสต์ภาพกราฟราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับคริปโตที่ร่วงลงอย่างหนัก
สถานการณ์ในวันนี้สะท้อนภาพดังกล่าวอย่างชัดเจน หลังจาก Bitcoin ร่วงลงมาอยู่ที่ประมาณ 110,700 ดอลลาร์ บรรดาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ก็ร่วงลงตามไปติดๆ
- Strategy (MSTR) ร่วงลง 1.47%
- BitMine (BMNR) ร่วงลงมากกว่า 5%
- Coinbase (COIN) ลดลงกว่า 4%
- SharpLink Gaming (SBET) ดิ่งลงเกือบ 7%
บริษัทเหล่านี้ควรจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดกับการเป็น “นักลงทุนสถาบัน” สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดเทขาย พวกเขากลับไม่ได้เข้าซื้อ แต่กลับ “เลือดไหล” ไปพร้อมกับตลาด
ล้างพอร์ตยับ-ไร้เงินทุนหนุนหลัง
สถานการณ์ในตลาดตราสารอนุพันธ์ยิ่งเลวร้ายกว่า ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง มีการล้างพอร์ตไปมากกว่า 371 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นฝั่ง Long 230 ล้านดอลลาร์ และฝั่ง Short 141 ล้านดอลลาร์ และเพียงแค่ชั่วโมงแรกหลังจากรายงานตัวเลขจ้างงานออกมา ก็มีการล้างพอร์ตไปถึง 117 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างสามารถพังทลายลงได้อย่างง่ายดายเมื่อไม่มีเงินทุนขนาดใหญ่คอยหนุนหลัง
ในทางตรงกันข้าม ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq กลับสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล การเปรียบเทียบนั้นเรียบง่ายแต่ยากที่จะเพิกเฉย ทองคำถูกใช้โดยธนาคารกลาง, หุ้นถูกใช้โดยกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ แต่คริปโตถูกใช้โดยบริษัทที่มีกราฟราคาเหมือนกัน เมื่อ Bitcoin ร่วง พวกเขาก็เทขายตามไปด้วย โดยไม่เหลืออะไรไว้ช่วยชะลอการร่วงเลย
ที่มา: u.today