<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘มีมคอยน์’ ฟองสบู่รอบใหม่หรือโอกาสทำเงิน ? : วิเคราะห์ Fartcoin, Pengu เทียบ Doge และ Pepe

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ถ้าจะบอกว่าปี 2024–2025 เป็น “ยุคใหม่ของเหรียญมีม” ก็คงไม่เกินจริงนัก เพราะกระแสไม่ได้หยุดอยู่แค่ Dogecoin หรือ PEPE อีกต่อไปแล้ว น้องใหม่อย่าง Fartcoin และ Pengu ก็สามารถทำผลงานระดับสั่นสะเทือนวงการได้เช่นเดียวกัน คำถามที่ค้างคาใจนักลงทุนอยู่ จึงมีอยู่สองอย่าง นั่นคือ นี่มันคือฟองสบู่เวอร์ชันใหม่ หรือคือโอกาสรอบใหญ่ที่เราห้ามพลาดกันแน่

1.Dogecoin

ในบรรดาเหรียญมีมทั้งหมด Dogecoin ยังคงเป็น “พี่ใหญ่แต่วิ่งแรง” ที่มีสถานะมั่นคงที่สุดในตลาด ด้วยมูลค่าตลาดที่ใหญ่ระดับ 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และยังคงรักษาตำแหน่งในกลุ่ม 10 อันดับแรกของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดได้อย่างต่อเนื่อง 

มูลค่าตลาดของเหรียญที่ใหญ่โตนี้เอง ทำให้ Doge มีสภาพคล่องจำนวนมหาศาล สามารถรองรับเม็ดเงินเข้า-ออกในปริมาณมากได้อย่างไม่สะดุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนเชิงระบบและกองทุนขนาดใหญ่ให้เข้ามาเก็งกำไรได้ 

ปัจจัยที่ขับเคลื่อนมูลค่าของ Dogecoin ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่มาจากพลังของแบรนด์และชุมชนที่เหนียวแน่นในฐานะผู้บุกเบิกตลาดมีมคอยน์ ความเรียบง่ายและภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่ายได้สร้างฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง 

นอกจากนี้ อิทธิพลของ Elon Musk ก็ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่สามารถขับเคลื่อนราคาของ DOGE ด้วยทวีตเพียงข้อความเดียว สิ่งนี้เป็นเหมือน “กันชนชั้นดี” ที่ป้องกันราคาไม่ให้ร่วงลงไปง่ายๆ และทำให้ Dogecoin เป็นเหรียญมีมเวอร์ชันที่ “ปลอดภัยกว่า” ในสายตานักลงทุนรายใหญ่ 

2. PEPE เหรียญมีมแห่งอีเธอเรียม

หาก Dogecoin คือพี่ใหญ่แห่งวงการ PEPE คือเหรียญมีมเสาหลักบนบล็อกเชนอีเธอเรียม PEPE ตั้งใจสร้างตัวเองให้เป็นเหรียญมีมแบบตรงไปตรงมา โดยไม่มีพื้นฐานการใช้งานใดๆ มูลค่าของมันจึงขึ้นอยู่กับ “เรื่องเล่า” และ “กระแสความสนใจ” เป็นหลัก ด้วยกลไกที่ไม่เก็บภาษีการทำธุรกรรม การล็อกสภาพคล่อง และการเผาเหรียญ PEPE ได้กลายเป็นเครื่องมือการเก็งกำไรระยะสั้นที่น่าจับตามองในตลาด   

เกมการลงทุนใน PEPE คือเกมแห่งจิตวิทยาตลาดอย่างแท้จริง ความผันผวนสูงคือจุดขาย ราคาจะพุ่งแรงเมื่อเกิดการ FOMO และจะร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อกระแสซาลง 

นักลงทุนบางกลุ่มในตลาดคริปโตมีความเชื่อที่ว่า หากราคา ETH ทำผลงานได้ดี ราคา Pepe ย่อมมีการเคลื่อนไหว และแสดงผลงานได้ดีเช่นเดียวกัน ราคาปัจจุบันยังมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นได้อีกหลายเท่าตัว โดยเฉพาะหากตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทุกคนที่เข้าสู่สนามนี้ต้องยอมรับว่ามันคือ เกมที่ต้องอาศัยวินัยในการเข้าและออกอย่างรวดเร็ว

3.Fartcoin เหรียญมีมน้องใหม่ที่มาพร้อม AI

Fartcoin คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนของเหรียญคริปโทฯ ที่ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นจากวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต ด้วยชื่อที่ดูขบขันและไม่จริงจัง แต่กลับสามารถสร้างตัวเลขที่น่าประทับใจได้ โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.73 ดอลลาร์ มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงถึง 80 ล้านดอลลาร์ และเคยมีมูลค่าตลาดสูงสุดแตะระดับพันล้านดอลลาร์มาแล้ว

สิ่งที่ทำให้ Fartcoin แตกต่างจากเหรียญมีมทั่วไปคือการนำ “AI Narrative” หรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นแกนหลักอย่างชัดเจน โดยประกาศตัวว่าเป็น “เหรียญมีม AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แรงขับเคลื่อนหลักที่ดึงดูดนักลงทุน ไม่ได้มาจากโมเดลรายได้ที่จับต้องได้ แต่มาจาก “โมเมนตัม” และ “เรื่องเล่า” ที่สร้างขึ้น

กรณีที่น่าสนใจคือ เมื่อเจ้ามือหรือนักลงทุนรายใหญ่ถอนเงิน USDT ออกจาก Binance และเข้ามาสะสมเหรียญ Fartcoin เพิ่มเติม ข่าวดังกล่าวได้เปลี่ยนทัศนคติของตลาดโดยทันที จากที่เคยเป็นเพียงเหรียญขำ ๆ ก็เกิดความรู้สึกว่า “เหรียญนี้อาจไปต่อได้” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของนักลงทุนรายใหญ่และกระแสข่าวมีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของราคา

4. Pengu จาก NFT สู่แบรนด์ระดับโลก

ในทางกลับกัน Pengu ถือเป็นเหรียญคริปโตที่น่าสนใจอีกตัวนึง เพราะมันไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยมีมล้วนๆ แต่มีรากฐานที่แข็งแกร่งมาจากแบรนด์ NFT ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Pudgy Penguins ซึ่งมีสินค้าจริงวางขายในห้างค้าปลีกชั้นนำระดับโลกอย่าง Walmart และ Target ในสหรัฐฯ 

สิ่งที่ทำให้ Pengu แตกต่างคือ การสร้าง “ยูทิลิตี” ที่จับต้องได้จริงผ่านของเล่นในโลกแห่งความเป็นจริง โดยทุกการซื้อของเล่นจะมาพร้อมกับ QR Code ที่สามารถใช้ปลดล็อกตัวละครในโลกดิจิทัลที่เรียกว่า Pudgy World ได้ 

ด้วยฐานแฟนคลับที่ภักดีและมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้ง ทำให้ Pengu สามารถสร้างตัวเลขที่น่าประทับใจได้ โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 0.028 ดอลลาร์ ปริมาณการซื้อขายรายวันมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของฐานแฟนที่สามารถเปลี่ยนความหลงใหลในคาแรกเตอร์ NFT ให้กลายเป็นมูลค่าที่จับต้องได้ในตลาดโทเค็น

ความแตกต่างที่สำคัญของ Pengu คือการมี “เรื่องเล่า” ที่ต่อเนื่องและจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นของเล่นลิขสิทธิ์ หรือการสร้างสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชนที่อินกับคาแรกเตอร์อยู่แล้ว ทำให้การเติบโตของราคาดูมีความเป็นธรรมชาติและมั่นคงกว่าเหรียญที่เกิดจากกระแสไวรัลเพียงอย่างเดียว

เปรียบเทียบกับตำนาน Doge และ Pepe

Dogecoin ที่เริ่มต้นจากเรื่องตลกในปี 2013 กลายเป็น memecoin ที่มี market cap สูงสุดกว่า 8.8 พันล้านดอลลาร์ที่จุดสูงสุด ส่วน Pepe ที่เปิดตัวในปี 2023 ก็สามารถทำ market cap ทะลุ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ได้ในช่วงจุดสูงสุด สิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้ง Doge และ Pepe ใช้เวลาหลายปีในการสร้างคอมมูนิตี้และฐานความนิยม แต่ Fartcoin และ Pengu กลับทำสิ่งเหล่านั้นได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน

จุดแตกต่างที่สำคัญ คือยุคนี้มี social media และ AI ที่ช่วยขยายการรับรู้ได้เร็วกว่าเดิม Fartcoin ได้รับการพูดถึงจาก AI agents บน Twitter และกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ Pengu มี ecosystem ของ NFT และสินค้าในโลกจริงรองรับอยู่แล้ว ทำให้มีฐานผู้ใช้ที่แข็งแกร่งกว่า memecoin ทั่วไป

โอกาสหรือฟองสบู่

การตอบคำถามนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน หากมองในมุมของการเก็งกำไรระยะสั้น memecoin ยังคงเป็นโอกาสทำเงินที่ดีสำหรับผู้ที่เข้าใจความเสี่ยงและมีกลยุทธ์การออกที่ชัดเจน แต่หากมองในมุมของการลงทุนระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องเลือกตัวที่มี fundamentals ที่แข็งแกร่ง มีชุมชนที่ยั่งยืน และมี utility ที่เกินกว่าแค่การเป็นเรื่องตลก 

บทเรียนจากอดีต Dogecoin พิสูจน์ให้เห็นว่า memecoin สามารถมีมูลค่าได้จริง หากมีการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่งและการใช้งานจริง Pepe แสดงให้เห็นว่าความนิยมในช่วงสั้นสามารถสร้างมูลค่ามหาศาลได้ แต่การรักษาตำแหน่งเอาไว้ให้ได้ต้องอาศัยมากกว่าแค่ hype

โดยสรุปแล้วตลาด memecoin ในปี 2025 อาจจะไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวของฟองสบู่อีกต่อไป เพรราะหากผู้เล่นตัวใหญ่เริ่มเข้ามาให้การสนับสนุนและสร้าง ecosystem ที่ยั่งยืน ราคาก็อาจไปต่อไป แต่สำหรับตอนนี้ มันยังคงเป็นเกมที่ต้องการความระมัดระวังและการบริหารความเสี่ยงอย่างดี มากกว่าการหวังผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน

ดังนั้นหากคุณสนใจลงทุนใน memecoin รอบใหม่ อย่าใส่เงินเกิน 5-10% ของพอร์ต และต้องยอมรับว่า การเทรดเหรียญมีมนั่นเสี่ยงสูง ควรกำหนดจุดขายไว้ล่วงหน้า และอย่าหลงระเริงกับตัวเลขกำไรในระยะสั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาเงินต้นให้อยู่ครบ

บทความนี้เป็นมุมมองเชิงวิเคราะห์เชิงข้อมูลและจิตวิทยาตลาดเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน โปรดใช้วิจารณญาณและบริหารความเสี่ยงของคุณเอง