ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าเข้ามาไม่หยุด การมีเครื่องมือดี ๆ ที่ช่วยคัดกรองและวิเคราะห์ข้อมูลตลาดได้ง่าย ๆ คือ สิ่งที่นักลงทุนทุกคนใฝ่ฝัน ล่าสุด Google ได้เปิดตัว Google Finance (Beta) ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ทั้งคริปโตฯ และหุ้นได้อย่างง่ายดาย แถมยังใช้ได้ฟรี! วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกและสอนวิธีใช้งานเครื่องมือนี้แบบจับมือทำ ให้เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญส่วนตัวมานั่งสอนให้ถึงที่เลยครับ
Google Finance (Beta) คืออะไร?
Google Finance (Beta) คือ แพลตฟอร์มที่รวมเครื่องมือวิเคราะห์ทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI พัฒนาโดย Google แม้จะยังอยู่ในช่วงเบต้า แต่ก็สามารถใช้งานได้ฟรีและมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับการวิเคราะห์ตลาดคริปโตฯ และตลาดหุ้น ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือที่ซับซ้อนได้ง่าย ๆ แถมยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย
หน้าตาการใช้งานของ Google Finance (Beta)

หน้าการใช้งานของ Google Finance (Beta) จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ที่นักเทรด ต้องรู้จัก
ส่วนแรกคือ Watchlist โซนแสดงราคาหุ้น หรือสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ ที่เราสามารถติดตามราคา Bitcoin, Ethereum หรือคริปโตฯ ตัวโปรด ได้แบบเรียลไทม์


ส่วนที่สองคือ Market Summary ที่แสดงภาพรวมตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก หรือแม้แต่หมวดหมู่ของคริปโตฯ ก็มี

ส่วนที่สามคือ Research โซนที่เป็นจุดแข็งจริง ๆ ของเครื่องมือนี้ เราสามารถพิมพ์คำถามใน chatbox เพื่อให้ AI วิเคราะห์ข้อมูลให้
เช่น “วิเคราะห์แนวโน้ม Bitcoin ในช่วง 30 วันข้างหน้า” หรือ “เปรียบเทียบประสิทธิภาพ Ethereum กับ Solana ในไตรมาสที่ 3” แล้วผลลัพธ์จะแสดงในโซนนี้อย่างละเอียด


วิธีใช้งานเครื่องมือ Google Finance (Beta) ให้คุ้ม
การใช้งาน Google Finance (Beta) อย่างมืออาชีพ ควรเริ่มต้นจากการสร้างรายการ (List) ของเหรียญคริปโตที่คุณต้องการติดตาม โดยไม่ควรใส่ทุกเหรียญเข้าไปในลิสต์รายการเดียว แต่ให้แยกตามธีมการลงทุน หรือตามกลยุทธ์การลงทุนที่สนใจ เช่น กลุ่มเหรียญมีม (memecoin) , กลุ่มเหรียญที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด , “กลุ่ม DeFi “, “เหรียญ AI” เป็นต้น ซึ่งการจัดกลุ่มในลักษณะนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการเคลื่อนไหวในแต่ละภาคส่วนของตลาดได้อย่างชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างการจัดกลุ่ม ลิสต์เหรียญมีม
ด้านการใช้งาน แสดงรายละเอียด จะมีทั้งฟังก์ชันรูปแบบกราฟแสดงราคา (Line) ,ฟังก์ชันเปรียบเทียบการเคลื่อนไหว (Compare) และฟังก์ชันเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical indicator )
ซึ่งฟังก์ชันรูปแบบกราฟแสดงราคา (Line) ของหุ้น จะมีกราฟ 4 รูปแบบ ได้แก่ กราฟเส้น (Line), กราฟแท่งเทียน (Candle), กราฟพื้นที่ (Area) และกราฟแท่ง (Bar)

ส่วนฟังก์ชันรูปแบบกราฟแสดงราคา (Line) ของคริปโต จะมีกราฟ 2 รูปแบบ ได้แก่ กราฟเส้น (Line) และกราฟพื้นที่ (Area)

ในด้านฟังก์ชันเปรียบเทียบการเคลื่อนไหว (Compare) สามารถเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวได้สูงสุด 5 ตัว ถือเป็นของดีสำหรับนักเทรดคริปโต ที่เราสามารถเอา Bitcoin, Ethereum, BNB, Solana, และ Cardano มาเปรียบเทียบกันในกราฟเดียว โดยมีทั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี เพื่อดูว่า ตัวไหนแข็งแกร่งกว่ากัน

การเปรียบเทียบผลตอบแทน ยังมีเครื่องมือ Overview ให้ใช้ดูภาพรวมของข้อมูลสำคัญ , ข้อมูลทางการเงิน รวมถึงข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้พร้อมสรรพ

ในขณะที่ฟังก์ชันเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิค ของ Google Finance (Beta) มาพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิค 3 ตัวหลัก คือ SMA (Simple Moving Average), MACD (Moving Average Convergence Divergence), และ ENV (Envelope) สำหรับนักเทรด crypto แล้วเครื่องมือเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่จำเป็น

จุดแข็งของ Google Finance (Beta) อยู่ที่ฟีเจอร์ AI Chat เราสามารถถามคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับคริปโต ได้โดยตรง แทนที่จะต้องนั่งวิเคราะห์กราฟเอง
ตัวอย่างเช่น “วิเคราะห์ว่าทำไม Bitcoin ถึงผันผวนมากในสัปดาห์นี้”

คำตอบที่ได้ ก็จะแสดงในกรอบสี่เหลี่ยม พร้อมกับข้อมูลอ้างอิงและกราฟประกอบ นี่คือ สิ่งที่ทำให้เครื่องมือนี้แตกต่างจากเว็บดูกราฟราคาเหรียญทั่วไป แต่เราได้ทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์ในที่ที่เดียวแบบครบจบ
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปลองใช้งาน Google Finance (Beta) ได้ที่เว็บไซต์ Google Finance (Beta)

