Joseph Chalom ซีอีโอร่วมของ SharpLink Gaming บริษัทมหาชนที่สะสม Ethereum มูลค่ากว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ เผยว่ากลยุทธ์ “Ethereum Treasury” ของบริษัทจะเป็น White Swan Event หรือ “เหตุการณ์เชิงบวกที่สามารถคาดเดาได้” ซึ่งจะช่วยเร่งให้สถาบันการเงินหันมาใช้ Ethereum มากขึ้น แตกต่างจาก Black Swan Event อย่างวิกฤต FTX ที่เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงและไม่คาดคิดมาก่อน
Chalom อธิบายว่า SharpLink เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จึงต้องรายงานข้อมูลอย่างโปร่งใสทุกสัปดาห์ ทั้งจำนวน ETH ที่ถือ ราคาซื้อ และผลตอบแทนสะสม ทำให้ไม่สามารถซ่อนข้อมูลหรือนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้ เขาย้ำว่าบริษัท “เป็นผู้สะสม ไม่ใช่ผู้ขาย” หากต้องการเงินสดก็สามารถออกตราสารหนี้หรือทำ Buyback หุ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเทขาย Ethereum
ปัจจุบัน SharpLink ถือ ETH มากกว่า 837,000 เหรียญ หรือคิดเป็นราว 0.69% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด กลยุทธ์นี้คล้ายกับ MicroStrategy ของ Michael Saylor ที่สะสม Bitcoin มูลค่ากว่า 72 พันล้านดอลลาร์ โดยไม่เคยขายออกมาเลย แต่ใช้วิธีระดมทุนผ่านหุ้นกู้เพื่อซื้อเพิ่มแทน
สำหรับมุมมองของ Chalom เขาเชื่อว่า Bitcoin ถูกเข้าใจง่ายเพราะถูกเปรียบเทียบกับ “ทองคำดิจิทัล” ขณะที่ Ethereum มีความซับซ้อนกว่า เพราะเกี่ยวข้องกับ Stablecoin, การ Tokenize สินทรัพย์จริง และการเงินแบบ Programmable Money ซึ่งต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่หากสถาบันเข้าใจศักยภาพแล้ว การยอมรับ Ethereum จะสร้างผลกระทบเชิงบวกได้มากกว่า Bitcoin ถึง 10–20 เท่า
SharpLink จึงมองว่าการถือ Ethereum ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางการเงินของบริษัทมหาชน แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ ETH ก้าวสู่การยอมรับในระดับโลก
ที่มา: DecryptMedia

