โปรเจกต์ Bitcoin Hyper (HYPER) สามารถระดมทุนจากโปรเจกต์ในช่วงเริ่มต้นได้เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ดอลลาร์ ภายใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ยอดระดมทุนรวมพุ่งทะลุ 15 ล้านดอลลาร์ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในเหรียญ altcoin ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในขณะนี้
Bitcoin Hyper เป็นโปรเจกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็น โซลูชัน Layer-2 ที่เร็วที่สุดบนเครือข่าย Bitcoin โดยมีเป้าหมายในการผสานความเร็วระดับเดียวกับ Solana เข้ากับเลเยอร์ชำระบัญชีที่ปลอดภัยของ Bitcoin
ด้วยกระแสระดมทุนที่ร้อนแรง ทำให้นักลงทุนหลายคนมองว่า HYPER อาจเป็นเหมือนกับการเกิดใหม่ของ BTC และอาจเป็นตัวจุดชนวนตลาดขาขึ้นครั้งใหญ่รอบใหม่
นอกจากนี้ นักลงทุนกลุ่มแรกยังยกย่องให้ HYPER เป็น “Bitcoin 2.0” โดยมองว่า เป็นโอกาสทองครั้งใหม่ สำหรับผู้ที่พลาดการเติบโตของ Bitcoin ที่เคยพุ่งสูงถึง 227,000,000% ในอดีต
ขณะนี้ HYPER มีราคาอยู่ที่ 0.012895 ดอลลาร์ต่อโทเคน แต่ราคาจะมีการปรับขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
Bitcoin อาจไม่พุ่งแรงซ้ำรอยเหมือนในอดีต แต่ HYPER อาจทำได้
นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2010 ที่ Bitcoin มีราคาอยู่ที่เพียง 0.05 ดอลลาร์ จนถึงปัจจุบันที่ราคาพุ่งสูง แตะ 114,000 ดอลลาร์ ทำให้ Bitcoin สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าทึ่งถึงกว่า 227,000,000%
การพุ่งขึ้นอย่างมหาศาลนี้ ได้สร้างเศรษฐีและมหาเศรษฐี Bitcoin จำนวนมาก จากผู้ที่ถือครองเหรียญ Bitcoin ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ
หากคุณเคยลงทุนซื้อ Bitcoin 10 BTC ในราคาเพียง 50 ดอลลาร์ และถือไว้จนถึงตอนนี้ มูลค่าเงินลงทุนของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1.14 ล้านดอลลาร์ ทันที
แม้ราคา Bitcoin (BTC) ในปัจจุบันจะสูงมาก แต่หลายคนยังคงเชื่อว่า การเติบโตยังไม่สิ้นสุด โดยนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Tom Lee จาก Fundstrat และ Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX ต่างคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin จะพุ่งไปแตะ 200,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นไปถึง 200,000 ดอลลาร์จะให้ผลกำไรไม่ถึง 2 เท่า ซึ่งแตกต่างจากผลตอบแทนมหาศาลที่นักลงทุนยุคแรกเคยได้รับ และแม้แต่ในสถานการณ์สุดโต่ง เช่นกรณีที่ Bitcoin พุ่งไปถึง 1 ล้านดอลลาร์ ผลตอบแทนก็จะอยู่เพียงประมาณ 10 เท่าเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากผลตอบแทนกว่า 227,000,000% ที่นักลงทุนกลุ่มแรกเคยได้รับอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ โอกาสในการทำกำไรมหาศาลจาก Bitcoin ในยุคแรกจึงผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ความสนใจของนักลงทุนเริ่มหันไปที่ altcoins ซึ่งมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดด เหมือนที่ Bitcoin เคยทำในอดีต
หนึ่งในโปรเจกต์ที่น่าจับตามองคือ Bitcoin Hyper ซึ่งเป็น altcoin ที่มีกลไกคล้ายกับ Bitcoin แต่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและสามารถเขียนโปรแกรมได้มากขึ้น
Bitcoin Hyper คือเหรียญที่ใกล้เคียงกับ Bitcoin มากที่สุด
Bitcoin Hyper อาจเป็นโปรเจกต์ altcoin ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Bitcoin มากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมันเข้ามาสร้างความต้องการใหม่ให้กับ Bitcoin ด้วยการทำหน้าที่เป็น โซลูชัน Layer-2 ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แนวคิดหลักของโปรเจกต์นี้คือ การใช้ Solana Virtual Machine (SVM) เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับสัญญา smart contracts ทำให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ได้โดยตรง หรือย้าย dApps จาก Solana มาใช้งานบน Hyper ได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องแก้ไขโค้ด เนื่องจากรองรับ SPL compatibility ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงสภาพคล่อง (liquidity) ของ Bitcoin ได้โดยตรง
dApps เหล่านี้สามารถครอบคลุมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโปรโตคอล DeFi ที่สามารถแข่งขันกับ Ethereum, การแปลงสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง (RWAs) ให้เป็นโทเคน, รวมถึงโปรเจกต์ด้าน NFT และเกม และอื่น ๆ
แต่ความโดดเด่นของ Bitcoin Hyper คือ แอปพลิเคชันที่รันบนเครือข่ายนี้จะไม่มีข้อจำกัดเรื่องความเร็วที่ต่ำหรือค่าธรรมเนียมที่สูงเหมือนกับ Ethereum แต่จะทำงานด้วยความเร็วระดับ Solana ขณะที่ยังคงใช้ Bitcoin เป็นเลเยอร์หลักในการยืนยันการชำระเงินและให้ความปลอดภัย
จากข้อมูลล่าสุด ทีมงานกำลังพัฒนาระบบใหม่เพื่อให้ Hyper สามารถล็อกสถานะของตนเองกับ Bitcoin Layer-1 ได้เป็นระยะ โดยใช้ commitments, state roots และ proof systems เนื่องจาก Bitcoin ไม่รองรับสัญญา smart contract แบบทั่วไป
เป้าหมายคือ เพื่อให้ Hyper ทำงานได้อย่างรวดเร็วในระดับ Solana แต่ยังคงให้ Bitcoin เป็นผู้กำหนดความน่าเชื่อถือและความเป็นกลางขั้นสุดท้าย
แม้ว่า ระบบ anchoring จะช่วยให้สถานะของ Bitcoin Hyper สามารถตรวจสอบบนเครือข่าย Bitcoin ได้ แต่ Canonical Bridge คือ กลไกสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้ระบบนี้ได้อย่างแท้จริง โดยทำหน้าที่เป็นช่องทางให้ BTC สามารถเข้าและออกจากระบบนิเวศได้อย่างราบรื่น
การทำงานของระบบคือ ผู้ใช้จะต้องฝาก BTC เข้าสู่ bridge ซึ่งจะถูกล็อกไว้บน Bitcoin Layer-1 และจะได้รับ wrapped BTC ที่สามารถใช้งานได้บนเครือข่าย Hyper แทน เมื่อผู้ใช้ต้องการนำ BTC กลับคืนมา ก็เพียงแค่ทำลาย (burn) wrapped BTC บน Hyper เพื่อปลดล็อก BTC ตัวจริงที่ถูกล็อกไว้บนเครือข่ายหลัก
ระบบนี้ทำให้ Bitcoin ยังคงรักษาความปลอดภัยพื้นฐานได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้สามารถนำไปใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
Bitcoin Hyper จะเป็น Bitcoin รุ่นใหม่หรือไม่ ?
ด้วยความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งทั้งทางเทคนิคและโครงสร้างกับ Bitcoin ทำให้ Bitcoin Hyper ได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากจากนักลงทุนยุคแรกที่เข้าร่วมการระดมทุนในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้น จนทำให้โปรเจกต์ Bitcoin Hyper สามารถระดมทุนได้กว่า 15 ล้านดอลลาร์ และโปรเจกต์นี้อาจเป็นสินทรัพย์ตัวต่อไป ที่จะสามารถประสบความสำเร็จตามรอยของ Bitcoin ได้
นอกจากนี้ 99Bitcoins ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการศึกษาคริปโตชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามกว่า 720,000 คนบน YouTube ยังได้กล่าวถึง HYPER ว่า เป็นอีกหนึ่งโทเคนที่น่าจับตามองและมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
นักวิเคราะห์หลายท่าน ยังคงคาดการณ์ว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปีนี้ ซึ่งจากมุมมองการลงทุนแบบดั้งเดิม ถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญกว่านั้นคือ Bitcoin Hyper ซึ่งโปรเจกต์นี้สะท้อนถึงอนาคตของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนแทบไม่อาจมองข้ามได้เลย
โทเคน HYPER ถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียม (gas fees), เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแล (governance) และใช้สำหรับการ Staking ขณะที่ BTC ยังคงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนภายในระบบนิเวศของ Bitcoin Hyper
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสในการลงทุนแบบเดียวกับยุคแรกของ Bitcoin โปรเจกต์นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยสามารถเข้าชมเว็บไซต์ของ Bitcoin Hyper เพื่อเข้าร่วมกับโปรเจกต์ได้ทันที
โดยสามารถเชื่อมต่อกับกระเป๋าเงินคริปโต Best Wallet ที่ถือเป็นกระเป๋าเงินที่ดีที่สุดในตลาด ซึ่ง HYPER ได้ถูกลิสต์อยู่ในเครื่องมือคัดกรองโปรเจกต์ยอดนิยม Upcoming Tokens ทำให้สามารถเข้าร่วม ติดตาม และเคลมโทเคนได้ง่าย ทันทีที่โปรเจกต์เปิดใช้งานเพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่น
ติดตามข่าวสารและอัปเดตล่าสุดของชุมชนได้ที่ Telegram และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X
หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา Bitcoin Hyper เพิ่มเติม ได้แล้ว
| เช็คลิสต์ | รายละเอียด | สถานะ |
|---|---|---|
| 1. เว็บไซต์ & Whitepaper | โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม | ✔️ |
| 2. ความโปร่งใสของทีมงาน | ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด | ❌ |
| 3. Tokenomics | เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป | ✔️ |
| 4.Smart Contract | Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน | ✔️ |
| 5. มีกำหนดการชัดเจน | โปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน | ❌ |
| 6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้ | กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้ | ⚠️ (ไม่ชัดเจน) |
| 7. คอมมูนิตี้ | โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว | ✔️ |
| 8. สภาพคล่อง | โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น | ❌ |
| 9. สัญญาณอันตราย | โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น | ⚠️ (ไม่ชัดเจน) |
| อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่ | ||
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน
บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์