ในโลกคริปโตตอนนี้ มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่า Bitcoin, Ethereum และ Solana เหรียญไหนจะเหมาะกับการเป็นเงินทุนสำรองของบริษัทมากที่สุด เพราะดูเหมือนว่าบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์เหล่านี้ต่างเริ่มมีค่า mNAV (มูลค่าที่แท้จริงเทียบกับราคาในตลาด) ที่ลดลงอย่างน่ากังวล
แต่ Geoff Kendrick นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered กลับมองว่า บริษัทที่เลือกใช้ Ethereum จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าเพื่อน เนื่องจาก Ethereum สามารถสร้างผลตอบแทนจากการ Staking ได้ ทำให้บริษัทเหล่านี้มีค่า mNAV (Market-to-Net Asset Value) ที่สูงกว่าและยั่งยืนกว่าในระยะยาว
Kendrick อธิบายว่า เพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืน บริษัทที่ถือคริปโตเป็นเงินทุนสำรอง หรือที่เรียกว่า DATs จะต้องมีค่า mNAV สูงกว่า 1 ซึ่งเป็นเรื่องยากหากถือเพียง Bitcoin อย่างเดียวที่ไม่ได้สร้างรายได้อะไรเพิ่ม กลับกัน Ethereum และ Solana สามารถสร้างผลตอบแทนจากการ Stake ได้ ซึ่ง Kendrick มองว่าเป็นหัวใจสำคัญในแง่ของ ความสามารถในการหาเงินเพิ่ม
ยกตัวอย่างเช่น BitMine ที่ถือครอง Ethereum มากที่สุดในโลก เพียงแค่นำ ETH ไป Stake ก็ได้ผลตอบแทนคิดเป็น 0.6 ของค่า mNAV แล้ว โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม BitMine ถึงทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง SharpLink Gaming ไปไกลลิบ
สุดท้ายนี้ ถึงแม้จะมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าเหรียญไหนจะดีกว่า แต่ก็ยังมีนักลงทุนไม่น้อยที่กังวลว่าการเข้าซื้อคริปโตจำนวนมหาศาลของบริษัทอาจไม่ใช่เรื่องดี และอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ในที่สุด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเลย
ที่มา : Decrypt