<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้บริหาร OpenAI ตะลึงกับคนไทย! ใช้ ChatGPT ดูดวง ถามหาความมั่นคงให้กับชีวิต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อ Jason Kwon หนึ่งในคนสำคัญที่สุดของโลก AI จาก OpenAI เหยียบแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรก และให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ WOODY FM สิ่งที่เขาค้นพบทำให้เขาอึ้งไปเลย! นั่นคือความแตกต่างของคนไทยในการใช้ ChatGPT แบบที่ชาวอเมริกันไม่ค่อยทำกัน

สาวกไทย “ดูดวงด้วย AI” ทำเจ้าพ่อ OpenAI งง

ใครจะคิดว่าคนไทยจะใช้ ChatGPT ถามเรื่องโชคชะตาวันนี้ ควรใส่เสื้อสีอะไรดี หรือวันเกิดจะเกิดอะไรขึ้น? สำหรับชาวอเมริกันแล้ว นี่เป็นเรื่องแปลกมากๆ

“เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าทึ่งและประหลาดใจมากครับ เพราะที่อเมริกาไม่ค่อยมีใครใช้ในลักษณะนี้อย่างจริงจังเท่าไหร่ แต่พอผมได้มาฟังว่าคนไทยใช้ ChatGPT เพื่อถามเรื่องสำคัญในชีวิต เช่น วันนี้ควรใส่เสื้อผ้าสีอะไรดี? วันเกิดของฉันวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น? หรือ ฉันควรใช้ชีวิตวันนี้อย่างไร? ผมสนใจทันทีเลย” Jason Kwon เล่าด้วยความตื่นเต้น

ที่มาจาก : forbesthailand

จริงๆ แล้ว Jason มองว่าเรื่องนี้ดีมากเลย! เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนเรามีความต้องการที่หลากหลายแค่ไหน นี่เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำเครื่องมือไปวางในสังคมที่แตกต่าง แล้วผู้คนก็ใช้มันในแบบที่ทีม OpenAI คาดไม่ถึงเลย

“ผมมองว่าการใช้ AI เพื่อดูดวงเป็นเหมือนการพยายามหาความแน่นอนในชีวิต ในอดีตคนอาจจะไปหานักพยากรณ์ แต่ตอนนี้สามารถหามันได้จากเครื่องมือนี้” เขาอธิบายปรัชญาเบื้องหลังพฤติกรรมของคนไทย

แต่ที่น่าสนใจคือมุมมองลึกๆ ของเขา: “เมื่อ AI ตอบคำถามเหล่านี้ได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าความแน่นอนเกิดขึ้นแล้ว แต่ความต้องการของเราแค่ถูกย้ายไปที่อื่น ตอนนี้เรามีคำตอบแล้วว่าจะใส่อะไร แต่คำถามอื่นๆ ก็จะตามมาอีกมากมาย เช่น งานนี้ฉันต้องคุยกับคนแบบไหน? ฉันอยากจะสานสัมพันธ์กับคนพวกนี้ไหม? ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ AI แทนที่ไม่ได้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ขอบเขตของกิจกรรมของมนุษย์กว้างขึ้น”

ตลาดไทยติดท็อป 2 โตเร็วที่สุดในเอเชีย

ถ้าใครคิดว่าเอเชียเริ่มช้า อย่าเพิ่งด่วนสรุป ตัวเลขล่าสุดทำให้ Jason Kwon ต้องยอมรับว่าเขาคิดผิด เมื่อเขาได้คุยกับเจ้าหน้าที่รัฐไทยคนหนึ่ง ได้ยินประโยคที่น่าสนใจว่า “เราอาจจะเริ่มช้ากว่า แต่พอตัดสินใจจะลุยแล้วก็จะทำอย่างเต็มที่” และตอนนี้เรากำลังเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว

“ตัวเลขการเติบโตในเอเชียพุ่งสูงขึ้นมากครับ ช่วงปีที่ผ่านมาเอเชียเติบโตขึ้นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะประเทศไทยและเวียดนามที่เติบโตเร็วที่สุด” เขาเผยด้วยความประทับใจ

นอกจากนี้ Jason ยังมองเห็นเหตุผลเชิงลึกของการเติบโต AI ในเอเชียอีกด้วยว่า : “ผมคิดว่าในเอเชียมีการมอง AI เพื่อแก้ปัญหาด้านประชากรศาสตร์ เช่น บางประเทศที่มีประชากรวัยทำงานลดลง ก็ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตทางเศรษฐกิจ ส่วนประเทศที่มีประชากรหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นอย่างฟิลิปปินส์หรืออินโดนีเซีย ก็มองว่าสามารถก้าวกระโดดไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้เลย”

และที่สุดยอดไปกว่านั้น คนเอเชียไม่ได้ใช้ AI แค่ทำงาน แต่เอามาเล่นและสร้างสรรค์ด้วย

“ที่น่าสนใจอีกอย่างคือในเอเชีย ผู้คนมีความสุขกับการเล่นกับเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ใช้เพื่อการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ด้วย เราเห็นได้ชัดจากเทรนด์การสร้างภาพและวิดีโอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมหาศาล”

สิ่งที่ทำให้หัวหน้าเจ้าพ่อ AI เป็นกังวลจนนอนไม่หลับ

ด้วยตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของ AI โลก Jason เปิดใจเรื่องที่ทำให้เขากังวล

“สิ่งที่ทำให้ผมกังวลและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันคือ อัตราความเร็วของการเปลี่ยนแปลงครับ ความเร็วนั้นนำมาซึ่งสิ่งดีๆ มากมาย ทั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ในทางกลับกันผมก็คิดว่าสถาบันและโครงสร้างต่างๆ ในสังคมพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้หรือยัง”

หนุ่มนักกฎหมายกลายเป็นเจ้าพ่อ AI

ใครจะเชื่อว่า Jason เริ่มต้นจากการเป็นนักกฎหมาย แต่ตอนนี้กลับมาสร้าง AI ที่ไร้ขีดจำกัด แปลกมั้ย?

“ผมไม่มองว่ามันเป็นการปะทะกันแบบนั้นนะครับ กฎระเบียบไม่ได้มีไว้เพื่อจำกัดพลังของเทคโนโลยี แต่มันมีไว้เพื่อกำหนดทิศทางของผลลัพธ์ต่างหาก” เขาอธิบายปรัชญาการทำงานของตัวเอง

เจ้าพ่อ AI ที่ดิ้นรนหาจุดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

แม้จะเป็นผู้บริหารระดับโลก แต่ Jason ก็มีปัญหาเดียวกับคนทั่วไปนั่นคือ จุดสมดุลของชีวิตการทำงาน

“บอกตามตรงว่ามันเป็นการต่อสู้ดิ้นรนครับ ผมไม่ได้เก่งเป็นพิเศษในเรื่องนี้เลย และนี่คือจุดที่ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับทุกคนที่รู้สึกว่าเวลาถูกบีบอัดเพราะเทคโนโลยี” เขาสารภาพอย่างตรงไปตรงมา

แต่เขาก็พยายามหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต เขาแชร์ว่า: “ผมก็พยายามให้ความสำคัญกับการชื่นชมช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต เช่น การได้มาทานข้าวเหนียวมะม่วงที่ประเทศไทยในวันนี้”

งานจริงของหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์

หน้าที่ของ Jason ไม่ใช่แค่คิดเรื่องเทคโนโลยี แต่ต้องดูแลว่า AI จะส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไร

“หน้าที่หลักของผมคือการคิดว่าเราจะบรรลุภารกิจได้อย่างไร? เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไรเพื่อตอบสนองต่อโลกภายนอก เพราะเทคโนโลยีไม่ได้เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ แต่มันคือ พลังทางสังคม ที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนต่างๆ”

AI จะมอบอะไรให้กับลูกๆ ของคุณในวันข้างหน้า ?

เมื่อถามถึงลูกๆ Jason มีความฝันที่ลึกซึ้งมาก

“ผมหวังว่า AI จะช่วยให้พวกเขาสามารถจินตนาการถึงทิศทางของตัวเองในโลกนี้ ได้อย่างเหมาะสมกับตัวตนของพวกเขาเอง แล้วลงมือทำตามจินตนาการนั้นได้ด้วยความแม่นยำมากกว่าคนรุ่นผม”

เขาอธิบายต่อว่า: “หลายครั้งเราจะเจอคนที่มีความฝันและความหลงใหล แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่ได้ลงมือทำมันจริงๆ ซึ่งปัญหานี้ซับซ้อนและมีมานานแล้ว แต่ผมคิดว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยให้ผู้คนค้นพบและลงมือทำสิ่งที่ใกล้เคียงกับความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเองได้ง่ายขึ้น”

ที่มาจาก : forbesthailand

สิ่งที่ยังทำให้เขาประหลาดใจกับ ChatGPT

แม้เป็นคนสร้าง แต่ Jason ยังคงตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ ChatGPT ทำได้

“ความสามารถของมันในการตอบคำถามที่เราไม่เคยคิดถึงตอนที่สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่แรก ผมยังคงประหลาดใจกับความถี่ที่มันตอบกลับมาได้อย่างสมเหตุสมผล”

แต่ที่น่าสนใจกว่าคือวิธีที่คนอื่นใช้มัน: “ถ้ามองย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ผู้คนใช้มันเพื่อเขียนเรื่องธรรมดาๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับใช้มันเพื่อขอคำวิจารณ์ หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับงานเขียนของตัวเอง ผมคิดว่านี่น่าทึ่งมาก เพราะมันกำลังสร้างพื้นที่ให้ผู้คนสามารถแสดงออกได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา”

Jason มองว่าสิ่งนี้เปลี่ยนพฤติกรรมทางสังคม: “สำหรับคนที่อาจไม่มั่นใจหรือขี้อายที่จะแบ่งปันผลงานกับคนอื่น ตอนนี้พวกเขามีคู่คิดที่ช่วยให้เขาได้สำรวจตัวเองและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้ตลอดเวลา ผมคิดว่าเราจะเห็นปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเทคโนโลยีนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การแสดงออกทางความคิดง่ายขึ้น และมันทำให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนสามารถมารวมตัวกันได้จากความสนใจเดียวกัน”

คนที่ถามคำถามดีจะปกครองโลก

ข้อคิดสุดท้ายของ Jason ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ เขาพูดถึงความสำคัญของ Sam Altman CEO ของ OpenAI ที่เคยอธิบายไว้:

“prompt อาจเป็นสิ่งใหม่ แต่สิ่งที่คงอยู่ยั่งยืนมานานหลายศตวรรษคือการที่ คนคนนี้ถามคำถามที่ดีหรือไม่? ซึ่งในยุคนี้คำถามที่ดีจะมีคุณค่ามากขึ้นไปอีก เพราะต้นทุนในการหาคำตอบหรือการสร้างคำตอบนั้นต่ำลงมาก คุณ Sam (Sam Altman CEO ของ OpenAI) เคยอธิบายไว้ว่า ต้นทุนในการคิดไอเดียและต้นทุนในการลงมือทำไอเดียนั้นกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ต้นทุนของปัญญาก็ลดลงเพราะ AI มีราคาถูกลง และต้นทุนของการผลิตก็ถูกลงด้วยเช่นกัน เมื่อสองสิ่งนี้มารวมกัน”

และนี่คือประโยคที่ทุกคนต้องจำ: “ลองคิดถึงพลังของคนที่ถามคำถามที่ดีมากๆ ดูสิครับ เพราะทุกคนจะสามารถเข้าถึงสิ่งที่เทียบเท่ากับความรู้ของ Albert Einstein ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือพลังของคนที่รู้ว่าจะต้องถามอะไร”

ที่มา : forbesthailand