เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือกรอบใหม่ที่ 4.00%–4.25% ซึ่งนับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยการตัดสินใจครั้งนี้ได้รับเสียงโหวตเห็นชอบจาก 11 ใน 12 เสียง โดยเหตุผลหลักมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดแรงงานอ่อนแอ การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง และตัวเลขคนว่างงานที่เพิ่มขึ้น
แม้ตลาดจะคาดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว โดย Polymarket ประเมินโอกาสไว้ถึง 93% แต่คำพูดของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ในงานแถลงข่าวหลังการประชุมกลับทำให้นักลงทุนออกอาการกังวล เพราะน้ำเสียงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า “เงินเฟ้อกลับมาปรับตัวสูงขึ้น และยังคงอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร” พร้อมชี้ว่า การชะลอตัวของ GDP มาจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง แถมตัวเลขจ้างงานใหม่ก็ลดฮวบ เหลือเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 29,000 ตำแหน่งต่อเดือน ทำให้อัตราว่างงานขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.3%
เรื่องภาษีนำเข้า (Tariffs) ก็ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอน โดยเจอโรม พาวเวลล์ยอมรับตรง ๆ ว่า “ผลกระทบต่อเงินเฟ้อยังต้องรอดู” ซึ่งก็หมายความว่า มาตรการการค้าใหม่ ๆ อาจทำให้เป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ Fed ยิ่งเป็นไปได้ยากขึ้น
หลังการประกาศ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคลื่อนไหวหลากหลายทิศทาง โดย Coinbase (COIN) ราคาร่วง 2.20%, MicroStrategy (MSTR) ราคาลดลง 0.86% และ Robinhood (HOOD) อ่อนตัว 0.37% ขณะที่ PayPal (PYPL) ราคาเพิ่มขึ้น 1.62% และ Block (SQ) ราคาเพิ่มขึ้น 0.32% ส่วน Circle (CRCL) ราคาติดลบ 1.67%
หุ้นกลุ่มบริษัทเหมืองขุดคริปโตก็ราคาร่วงเช่นกัน โดย Marathon Digital (MARA) ราคาลดลง 1.02% และ Iris Energy (IREN) ราคาลดลง 0.44% ตรงกันข้ามกับ Galaxy Digital (GLXY) ที่ราคาเพิ่มขึ้น 1.89% และ Mercurity Fintech (MFH) ที่ราคาพุ่ง 4.51% ส่วนหุ้นคลังสะสม Bitcoin รายย่อย กลับราคาพุ่งแรง โดย Prenetics (PRE) ราคาพุ่ง 14.86%, Convano (TSE) ราคาเพิ่มขึ้น 8.47% และ Bullish Global (BLSH) ราคาพุ่ง 5.32% สะท้อนให้เห็นถึงการหมุนเวียนของเม็ดเงิน เข้าสู่หุ้นขนาดเล็ก
ในขณะที่ราคา บิทคอยน์เคลื่อนไหวทรงตัวต่ำกว่าระดับ 116,000 ดอลลาร์ และราคา XRP ก็ร่วงลงสู่ 3.02 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์มองว่า การตอบสนองที่ซบเซาของตลาดในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนได้คาดการณ์ และรับข่าวการลดอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าไปแล้ว
ไอรา ออเออร์บาค อดีตหัวหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลของ Nasdaq ซึ่งปัจจุบันเป็นหัวหน้า Tandem ที่ Offchain Labs ให้ความเห็นว่า การลดดอกเบี้ยเป็นเพียง “แรงส่ง ” ไม่ใช่ “การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด”
โดยไอรา ออเออร์บาค มองว่า การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์หายากที่มีการเติบโตสูงอย่าง Bitcoin และ Ethereum แต่การปรับลดเพียงครั้งเดียวไม่สามารถสร้างแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่ให้กับตลาดได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ของเฟดแสดงให้เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เฉลี่ยจะลดลงมาอยู่ที่ 3.6% ในปี 2025 และ 3.4% ในปี 2026 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยลงอีก ถ้าเศรษฐกิจยังคงอ่อนตัว แต่เจอโรม พาวเวลล์ ได้เตือนว่า ความเสี่ยงจากตลาดแรงงานที่อ่อนแออาจฉุดอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำลงได้
ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตลาดคริปโตเมิน Fed ลดดอกเบี้ย? Bitcoin นิ่งสนิท นักวิเคราะห์ชี้แค่ ‘พักตัว’ ก่อนพุ่งใหญ่
- Fed ลดดอกเบี้ยแล้ว! Bitcoin จะไปต่อหรือพอแค่นี้? เปิดมุมมอง 3 กูรูชี้ชะตา Altcoin
- FED ยอมหัก! ประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกในรอบเกือบปี หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณอันตราย
ที่มา : thestreet

