<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

7 มือถือ Web3 ปี 2025 ที่สายคริปโตต้องจับตา: ปลอดภัย จัดการสินทรัพย์ง่าย รองรับ dApp ครบ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สมาร์ตโฟนทั่วไปไม่ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บหรือใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง จึงเสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก ฟิชชิ่ง หรือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว แต่ Web3 Phone ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ ด้วยการผนวก ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต และระบบความปลอดภัยขั้นสูงเข้ากับตัวเครื่อง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ ส่ง–รับเหรียญคริปโต, ซื้อ–ขาย NFT, ใช้งาน dApp และเข้าถึง Metaverse ได้สะดวกและมั่นใจยิ่งขึ้น

มือถือ Web3 ทำให้การใช้งาน NFT และ dApp ง่ายขึ้นมาก ผู้ใช้สามารถซื้อ ขาย หรือเทรด NFT ได้โดยตรงจากโทรศัพท์ โดยหลายรุ่นมาพร้อม NFT marketplace ในตัว ช่วยให้จัดการคอลเลกชันได้ตลอดเวลา

ในส่วนของ dApp การเข้าถึงก็สะดวกขึ้น คุณสามารถใช้ DeFi apps, เล่นเกมบนบล็อกเชน หรือเข้าร่วมโปรเจกต์ใหม่ ๆ ได้ทันที การทำธุรกรรมแบบ multi-chain ก็เป็นไปได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ไม่พลาดโอกาสสำคัญ

และนี่คือ 7 รุ่น Web3 Phone ปี 2025 ที่น่าสนใจที่สุด แต่ละรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เหมาะกับผู้ใช้ที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน

  1. Solana Seeker

มือถือที่ดึงเอา Solana blockchain มาไว้ในกระเป๋าคุณโดยตรง มาพร้อม seed vault ป้องกันคีย์ส่วนตัว, รองรับ Solana Pay และ dApp store รวมถึงแอป mint NFT ได้ทันที เหมาะสำหรับสาย Solana ที่ต้องการ ecosystem แบบครบวงจร

  1. HTC Desire 22 Pro


ตัวเลือกประหยัดสำหรับคนอยากเริ่มใช้ Web3 สนับสนุนทั้ง VR และแอป Metaverse มีวอลเล็ตในตัวพร้อมเข้าถึงฟีเจอร์ blockchain ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่อยากลอง NFT หรือ DeFi

  1. Samsung Galaxy Crypto Edition

รุ่นพิเศษจาก Samsung ที่เน้นความปลอดภัยสูงสุด ใช้ Samsung Knox และ secure enclave เก็บ private key รองรับกระเป๋าหลายแบบและ dApp ได้ลื่นไหล เหมาะกับคนที่คุ้นเคยกับ Galaxy อยู่แล้วแต่ต้องการฟีเจอร์คริปโตเพิ่ม

  1. Sirin Labs Finney


โดดเด่นด้วย cold storage wallet แบบ pop-up แยกออกจากระบบหลักเพื่อเพิ่มความปลอดภัย รองรับหลายเหรียญและโทเคน พร้อม dApp center แม้จะถูกมองว่าขนาดใหญ่ไปหน่อย แต่ถือว่าคุ้มค่าด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง

  1. Coldware

มือถือที่เน้นการเก็บสินทรัพย์แบบออฟไลน์เป็นหลัก ทำงานเสมือนฮาร์ดแวร์วอลเล็ตในตัว รองรับ multi-signature wallets และการเข้ารหัสเข้มข้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่กังวลเรื่องแฮ็กมากที่สุด

  1. Vertu Metavertu 

มือถือหรูที่รวมแฟชั่นกับบล็อกเชน ใช้วัสดุพรีเมียมและมีฮาร์ดแวร์วอลเล็ตในตัว พร้อมเครื่องมือด้านความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึง dApp เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการทั้งสไตล์และความปลอดภัยในเครื่องเดียว

  1. Google Pixel 8 with GrapheneOS

ตัวเลือกสำหรับสาย Privacy-First ใช้ระบบ GrapheneOS ที่ตัด tracker และเพิ่มความปลอดภัยสูงสุด สามารถติดตั้งกระเป๋าและ dApp ได้อย่างอิสระ เหมาะกับผู้ที่จริงจังกับการคุมข้อมูลส่วนตัวและต้องการความยืดหยุ่น

สิ่งที่ผู้ใช้ควรรู้ก่อนเลือก Web3 Phone

ความเป็นส่วนตัว (Privacy)
หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนหันมาใช้มือถือ Web3 คือการได้ ควบคุมข้อมูลส่วนตัวด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เหมือนในยุค Web2 อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องระวังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากการถูกขโมยหรือทำ private key หาย การถูกหลอกด้วยลิงก์ฟิชชิ่ง หรือการตกเป็นเป้าของกลโกงต่าง ๆ

มือถือ Web3 จึงถูกออกแบบมาพร้อมระบบป้องกันที่แข็งแรง เช่น ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต, การเข้ารหัสขั้นสูง และการยืนยันตัวตนแบบ biometric แต่ผู้ใช้เองก็ควรตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เปิดระบบสแกนนิ้วหรือสแกนหน้า เก็บ recovery phrase ไว้ในที่ปลอดภัย และใช้ฟีเจอร์อย่าง social key recovery หากรุ่นที่เลือกมีรองรับ

การใช้งาน (Ease of Use)
แม้ Web3 Phone จะอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ล้ำ ๆ แต่สำหรับผู้ใช้ใหม่ อาจรู้สึกว่าการใช้งานยัง ซับซ้อนกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป เช่น การตั้งค่ากระเป๋าเงินดิจิทัลที่ยุ่งยาก ความเร็วธุรกรรมที่อาจไม่เสถียร ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น รวมถึงหน้าตาแอปที่ยังไม่คุ้นเคย

เพื่อลดอุปสรรคเหล่านี้ หลายผู้ผลิตเริ่มปรับปรุง UX/UI ให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มคู่มือการใช้งาน ฟังก์ชันสำรองข้อมูลอัตโนมัติ และสร้าง community สำหรับช่วยเหลือผู้ใช้ ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เริ่มต้นสามารถเข้าถึงโลก Web3 ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น


ท้ายที่สุดแล้ว การเลือก Web3 Phone ที่ใช่ ไม่ได้มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตั้งค่าความปลอดภัยให้รัดกุม เก็บ recovery phrase ไว้ในที่ปลอดภัย และเปิดใช้งาน biometric lock เสมอ เพราะต่อให้มือถือจะล้ำแค่ไหน การปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลก็ยังขึ้นอยู่กับวินัยและความรอบคอบของผู้ใช้งานเอง

ที่มา: vertu