ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความผันผวนที่รุนแรงและคาดเดาได้ยาก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือนักเทรดที่มีประสบการณ์มาแล้วอย่างโชกโชน เพราะทุกคนล้วนต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ราคาดิ่งเหวอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว
ซึ่งความท้าทายที่แท้จริงจึงไม่ใช่การหาเหรียญที่ราคากำลังจะพุ่ง แต่มันคือการ อยู่รอด ให้ได้ในทุกสภาพตลาด เพื่อให้เราสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เมื่อตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง และในการอยู่รอดภายใต้สภาวะที่โหดร้ายนี้ ไม่มีใครจะเป็นต้นแบบได้ดีเท่า “แมลงสาบ” สิ่งมีชีวิตที่ถูกยกย่องว่าเป็นสุดยอดแห่งความทนทานและสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์
เราจะใช้หลักการปรับตัวของแมลงสาบนี้มาประยุกต์ใช้กับโลกของการลงทุนคริปโตฯ พวกมันไม่ได้อยู่รอดได้ด้วยความรวดเร็วหรือความแข็งแกร่ง แต่รอดได้ด้วยความ ยืดหยุ่น การกระจายความเสี่ยง และความสามารถในการอยู่เฉยๆ เมื่อจำเป็น
บทความนี้จะเปิดเผย 7 กลยุทธ์หลักที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้พอร์ตการลงทุนของคุณแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเจอวิกฤตราคาตกหนักแค่ไหนก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเรียนรู้เคล็ดลับการ “เอาตัวรอดในทุกสภาวะ” เพื่อเป็นนักลงทุนที่อยู่ยงคงกระพันในตลาดที่แสนจะผันผวนแห่งนี้
1.ตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit ล่วงหน้า
สิ่งแรกที่ทำได้ง่ายมากแต่ก็ทำได้ยากมากเช่นเดียวกันคือ การมีวินัยตั้ง SL และ TP ในทุกการเทรดเราควรจะมีเป้าหมายราคาทั้งขึ้นและลงเอาไว้ในจิตใจและทำการตั้งราคาเหล่านั้นไปพร้อมกับการเปิดออเดอร์เสมอ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ของมนุษย์
มีนักเทรดจำนวนไม่น้อยที่ละเลยในจุดนี้เพราะคิดว่าต่อให้ราคาร่วงก็ไม่น่าจะถึงจุดล้างพอร์ต ขณะเดียวกันฝั่งที่ไม่ยอม TP ทำกำไรเพราะเก็งว่าราคาจะขึ้นต่อ ก็อาจสูญกำไรไปฟรี ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นการตั้ง SL และ TP จึงเป็นเหมือนกับเบาะที่คอยคุ้มกันเราจากความโลภ
2.กระจายความเสี่ยง (Diversification)
ถัดมาคือ การกระจายความเสี่ยง ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าการถือเหรียญมากกว่าหนึ่งตัวจะถูกนับเป็นการกระจายความเสี่ยงแล้ว เพราะนักเทรดบางคนอาจหลงลืมไปว่าเหรียญบางโปรเจกต์มักมีความเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นเราจึงไม่ควรลงทุนในเหรียญกลุ่มเดียวกันมากเกินไป และให้กระจายตัวออกมา
สำหรับตัวอย่างในกรณีนี้ สมมติว่าคุณลงทุนใน Ethereum อยู่แล้วคุณก็ควรจะระมัดระวังเป็นพิเศษหากอยากลงทุนเหรียญในกลุ่ม Layer2 เนื่องความผันผวนของทั้งสองเกี่ยวเนื่องกัน จากการกระจายความเสี่ยงในตอนแรกจะกลายเป็นเพิ่มความเสี่ยงไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อราคาไม่เป็นไปดังหวัง
นอกเหนือจากนี้ การ DCA ก็ถือเป็นอีกวิธีที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากเราไม่ได้ใช้เงินทุนก้อนโตเข้ารวดเดียว แต่เข้าหลายไม้ ถ้าราคาร่วงมาบางครั้งเราอาจได้ของถูกมากกว่าการเข้าครั้งเดียวเสียอีก
3.ถือ Stablecoin
การถือ Stablecoin ไว้ในพอร์ตหลายคนอาจมองว่าเป็นการเสียโอกาสเนื่องจากไม่ได้สร้างผลตอบแทน แถมยังมีความเสี่ยงเรื่องค่าเงินอีก แต่ในความเป็นจริงแล้ว Stablecoin อาจสำคัญกับพอร์ตเรามากกว่าที่คิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีฉุกเฉิน
ทั้งนี้ Stablecoin ไม่จำเป็นต้องถือไว้เฉยๆ เพราะหากเลือกถือถูกตัวก็สามารถนำมันไปทำคุณประโยชน์อื่น ๆ ได้ เช่น ล่าแอร์ดรอป หรือ ฝากปันผล มากไปกว่านั้น Stablecoin ยังสามารถใช้เป็น “กระสุนสำรอง” ในยามวิกฤตที่เราต้องนำเงินออกมาปกป้องพอร์ตของเราไม่ให้ถูกล้างได้อีกด้วย
4. เปิด Leverage ให้เหมาะสมกับตัวเอง
การเปิด Leverage จริงอยู่ว่าเป็นหนทางในการทำกำไรได้รวดเร็ว โดยใช้เงินลงทุนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็ทำให้ขาดทุนหมดพอร์ตได้เร็วขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ก็ควรที่จะเลี่ยงหรือพยายามใช้ Leverage ให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนที่มีประสบการณ์ก็ต้องควบคุมการเปิด Leverage ของตัวเองให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ เพราะถ้าหากเปิด 100x ก็ต้องทำใจยอมรับเลยว่าโอกาส “พอร์ตแตก” นั้นสูงขนาดยอดฝีมือก็พลาดได้เช่นกัน
5. อย่าบ้าจี้ FOMO
Fear of missing out (FOMO) หรือการกลัวตกรถ เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับชาวคริปโต เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราเห็นเหรียญตัวหนึ่งกำลังพุ่งแรงเราก็จะเกิดความโลภว่าทำไมเราถึงไม่ซื้อ
สิ่งนี้จะทำให้กระบวนการคิดของเรานั้น “เป๋” และลงทุนตามอารมณ์ไปเพราะหวังจะทำกำไรได้ง่าย ซึ่งบางครั้งมันก็ทำกำไรได้จริงแต่บ่อยครั้งที่เราเข้าไปแล้วราคากลับปรับตัวลงมาทันที
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการปล่อยวาง อย่าตามกระแสมากจนเกินไป และทำการเทรดตามแผนที่วางไว้แต่แรก เพราะถึงอย่างไรหากพลาดเหรียญตัวนี้ก็ยังคงมีเหรียญตัวหน้า เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเชื่อมั่นสุดๆแล้วถือสปอตไปยาวๆ
6.อย่าเอาคืน
ในช่วงตลาดผันผวนเช่นนี้ บางครั้งนักเทรดอาจประสบปัญหาการขาดทุนได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะทั้งการ Stop Loss หรือการ Liquidate แต่สิ่งหนึ่งที่นักเทรดควรตระหนักรู้คือ นักเทรดไม่ควรเอาคืนสิ่งทีเสียไปอย่างวู่วาม เพราะนั่นจะทำให้มูลค่าความเสียหายพุ่งสูงเป็นเท่าตัว ดังนั้นถ้าอยากจะอยู่ให้รอดไปยาว ๆ ก็ควรจะหาจังหวะเข้าดีๆ อดทนรอ ไม่ใช่เข้าตามอารมณ์
7.ติดตามข่าวสาร
สุดท้ายนี้ ข่าวสารเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักเทรดสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการเอาตัวรอดได้ เช่น ถ้าสงครามกำลังจะเกิดขึ้นเราอาจต้องลดความเสี่ยงลง ถ้าเฟดจะลดดอกเบี้ยเราอาจจะได้เพิ่มความเสี่ยงขึ้น เพราะบางครั้งข้อมูลจากกราฟไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของราคาเสมอไป และข่าวเองก็เป็นปัจจัยที่สำคัญซึ่งผลกระทบต่อตลาด
ดังนั้น ถ้าหากคุณอยากอัปเดตข่าวสารทันตลาดโลก สยามบล็อกเชน ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการติดตามข้อมูลข่าวสาร เพราะเรามีการเขียนบทความอัปเดตใหม่ทุกวันไม่เว้นวันหยุด ทำให้ผู้อ่านมั่นใจได้ว่าข่าวสารนั้นสดใหม่ และทันกับทุกกระแสโลกอย่างแน่นอน

