ในช่วงตลาดกระทิงที่ทุกอย่างดูสดใส น่าลงทุนไปเสียหมด เชื่อว่านักเทรดหลายคนคงแอบถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า นี่หรือเปล่า โอกาสที่จะพลิกชีวิต? จากเงินหลักพันจะต่อยอดเป็นหลักแสนได้ไหม ? หรือจากเงินหลักหมื่นจะขยับไปถึงหลักล้านได้จริงหรือเปล่า ?
คำตอบก็คือ ตลาดคริปโตสามารถให้ผลลัพธ์แบบนั้นได้จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็ทำได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกแนวทางและวิธีคิด ที่อาจช่วยให้เงินทุนเล็ก ๆ ของคุณมีโอกาสงอกเงยกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้
ฟาร์มแอร์ดรอป/Launchpad
วิธีแรกที่นักลงทุนสามารถทำได้คือ การทำฟาร์ม Defi หรือล่าแอร์ดรอปจากโปรเจกต์เกิดใหม่ต่าง ๆ ซึ่งตามปกติแล้วโปรเจกต์เหล่านี้จะให้ผู้ใช้เข้าไปร่วมทำกิจกรรม เช่น การฝากเงิน หรือการทำธุรกรรมบนเครือข่าย ซึ่งเราจะได้รับผลตอบแทนมาเป็นโทเคนของโปรเจกต์นั้น ๆ
เมื่อภารกิจสิ้นสุดลงเราก็สามารถนำรางวัลที่ได้ไปขายบนเว็บเทรดเมื่อมีการลิสต์เปิดตัว ซึ่งโปรเจกต์น้ำดีบางตัวก็สามารถทำราคาพุ่งทะยานได้หลายสิบเท่าตัว แต่ความยากง่ายและต้นทุนที่ใช้จะต่างกันออกไปตามแต่ละโปรเจกต์ ทว่า วิธีนี้จะต่างจากวิธีอื่นตรงที่แม้ผลตอบแทนจะไม่สูงเท่าแต่อย่างน้อยโอกาสที่เงินต้นจะกลายเป็นศูนย์นั้นแทบไม่มี เว้นแต่จะไปบังเอิญเจอกับมิจฉาชีพ
ตัวอย่าง
สมมติคุณใช้เงินต้นเพียง 100 ดอลลาร์ แล้วได้แอร์ดรอปมา 10,000 โทเคน ในราคาโทเคนละ $0.001 แต่พอโทเคนเปิดตัว ราคากลับพุ่งไปถึง $0.1 เท่ากับว่าคุณได้กำไรทันที $1,000
- ข้อดี: เหมือนถูกลอตเตอรี่ดิจิทัล ลงทุนน้อย แต่มีโอกาสเจอ “แจ็กพอต” ที่เปลี่ยนผลลัพธ์ได้ทันที
- ข้อเสีย: ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาและดวงพอสมควร ไม่ใช่ทุกโปรเจกต์ที่แจกแอร์ดรอปแล้วจะมีอนาคตหรือราคาพุ่งขึ้นจริง
เปิด Leverage ฟิวเจอร์ส
วิธีถัดมาที่มักถูกพูดถึงกันก็คือ การใช้ Leverage (เลเวอเรจ) หรือการกู้เงินจากระบบมาเพิ่มขนาดสัญญาซื้อขาย จุดเด่นคือยิ่งเราเปิดเลเวอเรจสูง เงินต้นที่ต้องใช้จริงก็ยิ่งน้อย แต่ขนาดออเดอร์กลับใหญ่ขึ้นหลายเท่า ผลตอบแทนจึงสูงขึ้นอย่างมาก แม้จะเป็นบิทคอยน์ที่ราคาขยับไม่แรงเท่า altcoin ก็ตาม
แต่ตรงนี้เองก็เป็นดาบสองคม เพราะ Leverage ยิ่งสูง ความเสี่ยงก็ยิ่งทวีคูณ ยกตัวอย่างถ้าเปิด 100X การขยับเพียงแค่ 1% ของราคา ก็สามารถทำให้กำไรหรือขาดทุนขยายเป็น 100% ได้ทันที จึงไม่แปลกที่มือใหม่จำนวนมากจะเจอกับสิ่งที่เรียกว่า “พอร์ตแตก” หรือถูกล้างเงินต้นจนหมด
ตัวอย่าง
สมมติคุณเปิด Long 100X กับเหรียญ A ที่ราคา $10 ด้วยเงินต้น $100 เท่ากับว่าคุณสามารถถือสัญญามูลค่า $10,000 ได้จริง ๆ พอราคาเหรียญ A พุ่งขึ้นไป $20 (+100%) เงินต้น $100 ของคุณก็กลายเป็น $10,000 ทันที หรือพูดง่าย ๆ คือกำไรพุ่งขึ้น 100 เท่า
- ข้อดี: สามารถทำกำไรได้รวดเร็ว ใช้เงินลงทุนน้อยแต่สร้างผลลัพธ์มหาศาล เหมาะกับคนที่มีประสบการณ์และอ่านเกมตลาดเก่ง
- ข้อเสีย: ต้องมีวินัยสูงและการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพราะเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของตลาดก็อาจทำให้คุณสูญเงินต้นทั้งหมดได้
เหรียญมีม
วิธีอีกแบบหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากยุ่งกับตลาดฟิวเจอร์ส ไม่ว่าจะด้วยความที่ไม่ชอบค่าธรรมเนียม Funding Fee หรือรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป ก็คือการหันมาเล่นกับ เหรียญมีม (Meme Coin) ซึ่งหลายครั้งก็สร้างผลตอบแทนหลักสิบหรือหลักร้อยเท่าได้ไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตาม การเทรดเหรียญมีมบน DEX (Decentralized Exchange) ก็แทบไม่ต่างอะไรจากการเสี่ยงดวง เพราะนี่คือกระดานเทรดที่ไม่มีหน่วยงานไหนมาคอยคุ้มครอง ที่สำคัญคือ เราแทบไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์เหล่านี้ ถ้าโชคดี ราคาพุ่งขึ้นจริงก็อาจทำกำไรได้มหาศาล แต่ถ้าโชคร้าย บางทีแค่ซื้อไป เงินก็อาจถูกดูดหายไปหมดตั้งแต่วินาทีแรก
ตัวอย่าง
สมมติว่าซื้อเหรียญมีม ABC ด้วยเงิน $100 ตอนที่ราคาอยู่แค่ $0.01 แต่หลังจากนั้นราคาพุ่งไปถึง $2.3 ทำให้เงินก้อนเล็ก ๆ ก้อนนี้กลายเป็น $23,000 ในเวลาอันสั้น
- ข้อดี:ใช้เวลาน้อย ,โอกาสทำกำไรแบบก้าวกระโดด หลักสิบ–หลักร้อยเท่า
- ข้อเสีย: ความเสี่ยงสูงมาก อาจสูญเงินต้นได้ทั้งหมด , ถูกหลอกหรือเจอ Rug Pull ได้ง่าย ,ราคาผันผวนสุดขีด ขึ้นแรงก็ตกแรง ,ไม่มีการคุ้มครองจากหน่วยงานกำกับใด ๆ
HODL
วิธีสุดท้าย คือ การไม่ต้องทำอะไรเลยถือไว้เฉยๆ ปล่อยให้เวลาเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ของเราซึ่งวิธีนี้ในอดีตถือว่าเสี่ยงมากเพราะไม่มีอะไรการันตีว่าสินทรัพย์ที่เราเลือกจะเป็นสินทรัพย์เดียวกับที่คนทั้งโลกเลือก แต่ปัจจุบันการเวลาก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าโปรเจกต์เหล่านี้ทำสำเร็จอย่างกรณีของบิทคอยน์ ขณะเดียวกันเหรียญตระกูล ICO อย่าง Ethereum และ Solana ต่างก็เติบโตได้อย่างไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน
ตัวอย่าง
ลงทุนใน Bitcoin ด้วยเงิน $100 เมื่อ 16 ปีที่แล้วจากเดิมเหรียญนั้นซื้อขายกันที่ $1 แต่ปัจจุบันเหรียญนั้นกลับมีมูลค่ามากถึง $100,000 ทำให้ตอนนี้เงินต้นที่ลงทุนไปงอกเงยขึ้นมาเป็น $10,000,000
- ข้อดี : ความเสี่ยงต่ำ , ไม่มีแรงกดดันถือแล้วไม่เครียด
- ข้อเสีย : ใช้เวลานาน , เสียโอกาส , ผลตอบแทนอาจไม่สูงอย่างที่คิด
บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือชี้ชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงและอาจสูญเงินได้ทั้งจำนวน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและรับความเสี่ยงให้ได้ก่อนเริ่มการลงทุน

