<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin Hyper กวาดยอดระดมทุนทะลุเป้าแตะ $24 ล้าน แล้ว Bitcoin จะพุ่งแตะ $250,000 ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ทอม ลี   หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Fundstrat Global Advisors ได้ออกมายืนยันอีกครั้งถึงการคาดการณ์อันทะเยอทะยานของเขา โดยเชื่อว่า ราคา Bitcoin ยังมีโอกาสแตะระดับ 250,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน Bitcoin Hyper (HYPER)  โปรเจกต์ Layer- 2 ที่เร็วที่สุดบนเครือข่ายบิตคอยน์ ก็กำลังสร้างกระแสแรงไม่แพ้กัน หลังจากทำสถิติกวาดยอดระดมทุนในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้นรวมทะลุ 24 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นความสำคัญอีกขั้นของโปรเจกต์ ทำให้ HYPER เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตมาแรงในปี 2025 เลยทีเดียว 

นักลงทุนจำนวนมากเริ่มมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างแนวโน้มทั้งสอง เพราะหากราคา Bitcoin จะพุ่งไปถึงระดับราคาที่ ทอม ลี คาดการณ์ไว้ ก็จำเป็นต้องมีแรงขับเคลื่อนด้านอุปสงค์ครั้งใหม่ ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่ Bitcoin Hyper ตั้งเป้าจะสร้างขึ้น

โปรเจกต์ Bitcoin Hyper มุ่งเพิ่มมูลค่าการใช้งานจริงให้กับบิตคอยน์ จากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นเพียง “สินทรัพย์เก็บมูลค่า” ไปสู่ระบบที่มีประโยชน์ใช้สอยในวงกว้าง ซึ่งอาจกลายเป็นตัวเร่งสำคัญของการเติบโตครั้งต่อไปในตลาดคริปโต

Bitcoin Hyper ถูกพัฒนาบน Solana Virtual Machine (SVM) หนึ่งในเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในโลก เพื่อให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันความเร็วสูงบนรากฐานความปลอดภัยของเครือข่ายบิตคอยน์ โดยมี Bitcoin เป็นแกนกลางของทุกธุรกรรม

โปรเจกต์ Bitcoin Hyper ยังคงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุน โดยเฉพาะจากกลุ่มเจ้ามือที่เริ่มเข้าซื้อเพิ่ม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจุบันราคา อยู่ที่ 0.013125 ดอลลาร์ต่อโทเคน และเหลือเวลาเพียง 8 ชั่วโมง ก่อนจะมีการปรับขึ้นราคาในเฟสถัดไป

Tom Lee, Mark Newton และ  Arthur Hayes ต่างเห็นตรงกันว่า Bitcoin กำลังมุ่งสู่ราคา 250,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่เริ่มเอื้อประโยชน์ต่อสินทรัพย์ดิจิทัล

ทอม ลี (Tom Lee) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Fundstrat Global Advisors ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่แสดงจุดยืนเชิงบวกต่อบิตคอยน์อย่างชัดเจนตลอดปีที่ผ่านมา โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ในงาน Korea Blockchain Week ที่กรุงโซล เมื่อวันที่ 24 กันยายน เขาคาดการณ์ราคาบิตคอยน์ว่า อาจพุ่งแตะ 200,000–250,000 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้

ทอม ลี ให้เหตุผลต่อมุมมองดังกล่าวว่า มาจากการเปลี่ยนทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ที่หันจากท่าทีเข้มงวดเชิงรุก มาเป็นแนวทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งทอม ลีมองว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นแรงหนุนสำคัญต่อบิตคอยน์ และสอดคล้องกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคของ มาร์ก นิวตัน  หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทางเทคนิคของ Fundstrat ซึ่งได้ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณวัฏจักรขาขึ้นที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้น และสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคา Bitcoin ในช่วงปลายปี

เมื่อเดือนตุลาคม ในรายการ Bankless ทอม ลี ได้ยืนยันอีกครั้งถึงเป้าหมายที่ราคาบิตคอยน์อาจพุ่งแตะที่ 250,000 ดอลลาร์ ซึ่งเหลือเวลาเพียงสองเดือนครึ่งก่อนสิ้นปี พร้อมกล่าวเสริมว่า ราคา อีเธอเรียม เองก็อาจพุ่งขึ้นแตะ 10,000 – 12,000 ดอลลาร์ ได้เช่นกัน

ในขณะเดียวกัน อาร์เธอร์ เฮย์ส (Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ BitMEX ก็แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกับทอม ลี โดยระบุว่า การปรับตัวขึ้นของบิตคอยน์อาจยังไม่จบเพียงเท่านี้ โดยคาดการณ์เป้าราคาของ ETH ไว้ที่ 10,000 ดอลลาร์

แม้ว่า ความเชื่อมั่นในเชิงบวกอาจยังดูห่างไกลในตอนนี้ หลังจากที่ราคาบิตคอยน์ (BTC) ร่วงลงมาอยู่ที่ 107,000 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางการฟื้นตัวที่ยังไม่แข็งแรงนักจากเหตุการณ์ “แฟลชแครช” เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ข้อมูลในอดีตยังคงบ่งชี้ว่าโอกาสขาขึ้นยังมีอยู่

โดยเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน มักเป็นช่วงเวลาที่บิตคอยน์ทำผลงานได้ดีที่สุดในแต่ละปี และด้วยความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ สัญญาณของการดีดตัวแรงก็ยังคงอยู่

อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนอาจเป็น ตัวเร่งที่สำคัญที่สุดของอุปสงค์ในระยะยาว เมื่อกระแสเงินทุนเริ่มไหลเข้าสู่โปรเจกต์ที่เน้นนวัตกรรมแทนการเก็งกำไร หนึ่งในโปรเจกต์ที่กำลังถูกจับตามองว่า อาจเป็นพลังผลักดันครั้งใหม่ของบิตคอยน์คือ Bitcoin Hyper

เหตุใดการออกแบบของบิตคอยน์ จึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าการขยายขนาด

เลเยอร์พื้นฐานของบิตคอยน์ถูกออกแบบโดยเจตนาให้มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมน้อยที่สุด โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และ การกระจายอำนาจ มากกว่าฟังก์ชันการใช้งาน

ซาโตชิ นากาโมโต  สร้างบิตคอยน์ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นเงินที่มั่นคง เครือข่ายทางการเงินที่เชื่อถือได้ กระจายอำนาจ และต้านทานการทุจริตหรือการควบคุมได้ 

ปรัชญานี้ก่อให้เกิดแนวคิดที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ได้แก่ เงินที่กระจายอำนาจ และทองดิจิทัล ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งไปสู่หลายพันดอลลาร์ และยังคงเป็นพื้นฐานสำหรับการคาดการณ์ราคาขาขึ้นของทอม ลี และอาร์เธอร์ เฮย์ส

อย่างไรก็ตาม หากบิตคอยน์ต้องการการยอมรับในระดับโลกอย่างแท้จริง และทำหน้าที่เป็น สื่อกลางแลกเปลี่ยนดิจิทัล การขยายขนาดเครือข่าย  ก็กลายเป็นสิ่งจำเป็น

ในทางปฏิบัติ เครือข่ายปัจจุบันสามารถประมวลผลได้เพียง ประมาณ 3–4 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ซึ่งถือว่า ต่ำกว่าขีดจำกัดทางทฤษฎีที่ 7 TPS อย่างมาก และยัง ห่างไกลจากความเร็วที่จำเป็นสำหรับการค้าขายในระดับมหภาค

เนื่องจากบิตคอยน์เดิมไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับการเขียนโปรแกรม จึงไม่สามารถรองรับแอปพลิเคชันซับซ้อน หรือระบบนิเวศ DeFi ขนาดใหญ่ได้โดยตรง แม้จะมีความพยายามหลายครั้งในการขยายความสามารถ แต่ก็ยังไม่มีโปรเจกต์ใดที่สามารถเข้าถึงการใช้งานในวงกว้าง

ตัวอย่างเช่น Stacks ที่ได้เพิ่มฟังก์ชันสัญญา Smart Contract ให้กับบิตคอยน์ แต่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพด้านความเร็ว ทำงานเหมือนเชนคู่ที่ปลอดภัยมากกว่า การเป็นเลเยอร์ประมวลผลความเร็วสูง 

ส่วน RSK นำเสนอ DeFi และสมาร์ทคอนแทรกต์ที่เข้ากันได้กับ EVM บนบิตคอยน์ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านการเติบโตและการกระจายอำนาจ แม้สามารถใช้งานได้จริง แต่ยังห่างไกลจากการขยายขนาด

ขณะนี้ Bitcoin Hyper ก้าวเข้ามาเป็นวิวัฒนาการขั้นต่อไป ด้วยการผสาน SVM ทำให้รองรับทั้งความเร็วและความสามารถในการเขียนโปรแกรม จึงเปิดโอกาสให้บิตคอยน์ทำหน้าที่ไม่เพียงแค่เงินที่มั่นคง แต่ยังเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนดิจิทัลที่แท้จริง สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง และ throughput จำนวนมาก

Bitcoin Hyper ทำงานอย่างไร?

ระบบนิเวศของ Bitcoin Hyper ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากสองจุดแข็ง คือ ความเร็วสูงและการประมวลผลที่คุ้มค่าแบบประหยัดค่าใช้จ่ายของ Solana ควบคู่ไปกับ ความปลอดภัยระดับสูงของ Bitcoin

ผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าร่วมแอปพลิเคชันเหล่านี้ สามารถล็อก Bitcoin ของพวกเขาจากเชนหลัก ไปยังสะพานเชิงมาตรฐานของ Bitcoin Hyper ซึ่งจะมีการสร้างเวอร์ชัน Bitcoin แบบ wrapped BTC  ขึ้นมา

Bitcoin แบบห่อนี้ สามารถแลกคืนได้เสมอ โดยผู้ใช้งานสามารถทำการเบิร์น บน Bitcoin Hyper เพื่อปล่อย Bitcoin ต้นฉบับกลับไปยังเชนหลัก 

แต่ภายในระบบนิเวศ BTC แบบห่อนี้ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน สำหรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทั้งในด้าน DeFi, เกม หรือแม้แต่การใช้งานในโลกจริง

ในทางปฏิบัติ Bitcoin Hyper เปลี่ยน Bitcoin จากสินทรัพย์เก็บมูลค่า ให้กลายเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนที่ใช้งานได้ แถมยังคงรักษาพื้นฐานที่ไม่ถูกทุจริตของบิตคอยน์ไว้ พร้อมเพิ่มความเร็วทางเศรษฐกิจ

วิวัฒนาการนี้ไม่ได้มาแทนที่บทบาทของบิตคอยน์ในฐานะเงินที่มั่นคง แต่ทำให้บทบาทนั้นสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งความปลอดภัยเหมือนทองดิจิทัลและการใช้งานได้เหมือนเงินสดดิจิทัล

HYPER เป็นพลังขับเคลื่อนระบบนิเวศ ที่ทำให้แนวคิดเงินที่มั่นคง ของ Bitcoin เกิดขึ้นจริง

ขณะนี้นักลงทุนได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ระดมทุนช่วงเริ่มต้นของ Bitcoin Hyper มากกว่า 24 ล้านดอลลาร์ โดยถือครองโทเคนที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บิตคอยน์บรรลุวิสัยทัศน์ในฐานะเงินที่มั่นคง  ซึ่งโทเคนนั้นคือ HYPER

ทุกธุรกรรมภายในระบบนิเวศของ Bitcoin Hyper จำเป็นต้องมีค่าธรรมเนียมแก๊ส  และ HYPER คือโทเคนที่ใช้ชำระค่าธรรมเนียมเหล่านี้

นอกจากนี้ HYPER ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการกำกับดูแล  ซึ่งช่วยให้ผู้ถือครอง สามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและพัฒนาการของเครือข่ายได้ 

ขณะนี้ผู้ใช้งานสามารถทำการ stake HYPER เพื่อเพิ่มจำนวนโทเคนของตนล่วงหน้าก่อนการเปิดตัวเต็มรูปแบบของ Bitcoin Hyper ผ่านโปรโตคอลของโปรเจกต์ ซึ่งให้ผลตอบแทนแบบไดนามิกถึง 49% ต่อปี

นักลงทุนสามารถเข้าร่วม HYPER ได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์ของ Bitcoin Hyper โดยเชื่อมต่อกับ Best Wallet หนึ่งในกระเป๋าคริปโตและบิตคอยน์ที่ดีที่สุดในตลาด ซึ่ง HYPER ถูกจัดอยู่ในส่วน Upcoming Tokens ของกระเป๋า ทำให้สะดวกต่อการเข้าร่วม ติดตาม และเคลมโทเคน เมื่อเปิดใช้งานจริงเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด

สามารถติดตามข่าวสารล่าสุดของชุมชน Bitcoin Hyper ได้ทาง Telegram และ X

หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา Bitcoin Hyper เพิ่มเติม ได้แล้ว

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  
เช็คลิสต์รายละเอียดสถานะ
1. เว็บไซต์ & Whitepaper โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม✔️
2. ความโปร่งใสของทีมงาน ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
3. Tokenomics เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป✔️
4.Smart Contract Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน  ✔️
5. มีกำหนดการชัดเจนโปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน
6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้⚠️ (ไม่ชัดเจน)
7. คอมมูนิตี้ โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว ✔️
8. สภาพคล่อง โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น
9. สัญญาณอันตราย โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์