<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CME เผย Solana และ XRP Futures โตเร็วกว่า Bitcoin-Ethereum

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

จิโอวานนี วิซิโอโซ (Giovanni Vicioso) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์คริปโทเคอร์เรนซีระดับโลกของ CME Group (ตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ได้ออกมาให้ภาพที่น่าสนใจว่า “ Bitcoin และ Ethereum ได้เดินนำไปก่อน เพื่อให้ Solana และ XRP สามารถวิ่งได้อย่างเต็มที่”

เขาระบุว่า สัญญาฟิวเจอร์สของ Solana และ XRP ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้ กำลังได้รับแรงหนุนอย่างมหาศาลจากโครงสร้างพื้นฐานและสภาพคล่องของตลาดที่ “ผู้บุกเบิก” อย่าง Bitcoin และ Ethereum ได้สร้างไว้

ผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์

“พูดได้เต็มปากเลยว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา” วิซิโอโซกล่าว “Solana และ XRP มี ‘ข้อได้เปรียบในการเร่งความเร็ว’ (Accelerating Advantage) เพราะพวกมันได้รับประโยชน์จากบทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากการเปิดตัว Bitcoin และ Ethereum ไปก่อนหน้านี้”

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายคงค้าง (Open Interest) ของสัญญาฟิวเจอร์ส SOL และ XRP ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีมูลค่าสัญญารวมกันประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่แค่สถาบันการเงินเท่านั้น แต่นักลงทุนรายย่อยก็กำลังกระโดดเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดนี้ด้วยเช่นกัน

แรงหนุนจาก ETF และความชัดเจนด้านกฎระเบียบ

วิซิโอโซอธิบายว่า ตอนที่ CME เปิดตัว Bitcoin ฟิวเจอร์สครั้งแรกในปี 2017 ตลาดยังไม่มีความชัดเจนด้านกฎระเบียบและยังไม่มีกองทุน ETF ด้วยซ้ำ

แต่ในปัจจุบัน ความชัดเจนด้านกฎระเบียบในยุคทรัมป์ได้ปลดล็อกให้นักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ เข้ามาในตลาดได้ง่ายขึ้น และการเกิดขึ้นของกองทุน ETF ก็ได้เปิดช่องให้พวกเขาสามารถใช้กลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนอย่าง “Basis Trade” (การทำกำไรจากส่วนต่างราคาระหว่างตลาด Spot และ Futures) ได้

“กลยุทธ์เดียวกันกับที่พวกเขาเคยใช้กับ Bitcoin และ Ethereum ตอนนี้กำลังถูกนำมาใช้กับ Solana และ XRP” วิซิโอโซกล่าว

“สิ่งที่เราสังเกตเห็นคือ ‘Basis’ (ส่วนต่างราคา) สำหรับทั้ง Solana และ XRP นั้นค่อนข้าง ‘หอมหวาน’ (มีส่วนต่างให้ทำกำไรมาก) เมื่อเทียบกับ Bitcoin และ Ethereum” เขากล่าว “นั่นก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มาของปริมาณการซื้อขายมหาศาล”

สถาบัน ‘หนีตาย’ สู่ตลาดที่มีการกำกับดูแล

วิซิโอโซยังกล่าวเสริมว่า ได้เกิดปรากฏการณ์ “สถาบันหนีตายเข้าสู่ตลาดคุณภาพ” (Institutional Flight to Quality) อย่างชัดเจน หลังจากเหตุการณ์ตลาดคริปโตพังทลายในเดือนนี้ ซึ่งทำให้สถานะที่ใช้เลเวอเรจสูงถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ถูกบังคับปิด เขากล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตลาดที่มี “กฎระเบียบ” คุ้มครอง

“ตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญที่สุด… คือ ‘กฎระเบียบ'” เขากล่าว “เรามีระบบการคุ้มครองลูกค้าเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจะหาไม่ได้บนแพลตฟอร์มที่ไม่มีการกำกับดูแลเหล่านั้น”

ที่มา: decrypt