การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตลาดคริปโตได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ดำเนินการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ารวมกว่า 673 ล้านดอลลาร์ ไปยัง Coinbase Prime โดยมีรายละเอียดเป็นการโอน Bitcoin (BTC) จำนวน 4,652.87 เหรียญ คิดเป็นมูลค่า $478.51 ล้าน และ Ethereum (ETH) จำนวน 57,455 เหรียญ คิดเป็นมูลค่า $194.86 ล้านการดำเนินการนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของสถาบันการเงินขนาดใหญ่
แม้ว่าการโอนเงินจำนวนมหาศาลกว่าครึ่งพันล้านดอลลาร์เช่นนี้อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาดแต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ได้ออกมาให้ความกระจ่างว่าการกระทำดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับการ จัดการกองทุน ETF ของ BlackRock เอง ไม่ใช่การเทขายสินทรัพย์ โดยการฝากสินทรัพย์ไปยัง Coinbase Prime ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับฝากสินทรัพย์ (Custodian) ของกองทุน IBIT (Bitcoin ETF) และ ETHA (Ethereum ETF) มักเป็นขั้นตอนตามปกติที่จำเป็นในการ สร้างหน่วยลงทุนใหม่ (Share Creations) ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF นั่นเอง
นักวิเคราะห์บางรายมองว่าการเคลื่อนไหวของเงินทุนสถาบันในปริมาณมากนี้เป็น “เกมจิตวิทยา” พวกเขาเชื่อว่าสถาบันใหญ่เช่น BlackRock อาจใช้การโอนเงินเพื่อสร้างความผันผวนและความตื่นตระหนกในตลาด ทำให้บรรดานักลงทุนรายย่อยเทขายสินทรัพย์ในราคาต่ำ ก่อนที่สถาบันจะเข้าสะสมสินทรัพย์กลับไปในราคาที่ถูกลง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันมานานในการสร้างโอกาสในการเข้าซื้อ
การโอนเงินครั้งนี้จึงถูกตีความว่าเป็น “Power Move” หรือการวางตำแหน่งที่แข็งแกร่งของ BlackRock ที่เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดคริปโตโดยรวมกำลังเผชิญกับการปรับตัวลดลงรายสัปดาห์ การที่ BlackRock ยังคงใช้ Coinbase Prime ในการจัดการสินทรัพย์ของ ETF จึงเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการ “เติมกระสุน” เพื่อรองรับการเติบโตและการเข้าซื้อของลูกค้าสถาบันในอนาคต มากกว่าการเป็นสัญญาณของการออกจากตลาดอย่างที่หลายคนกังวล.
ที่มา: @WhaleInsider

